Tuesday, June 22, 2010

ได้เวลาเดินทางขึ้นเครื่องละ

หลังจากเตรียมกระเป๋า ได้ตั๋วเครื่องบิน

มีวีซ่าเรียบร้อย


ถึงวันก็เดินทางได้แล้ว


Photobucket


ก่อนออกจากบ้านอย่าลืม


ตรวจสอบข้าวของ สมบัติ เอกสาร ซองน้ำตาลจากสถานฑูต พาสปอร์ตน๊า


ไปเช็คอินก่อนเวลาออก 2 ชม.นะ
ถ้าช่วงเทศกาล คนเดินทางเยอะ ก็ต้องเผื่อเวลาอีก เพราะคนที่ไปถึงก่อน 2ชม.เป๊ะนี่ก็จะเยอะมาก ทุกคนก็จะต่อแถวยาวเชียว
เดี๋ยวต้องลุ้น ตอนเดินไปที่เกทไม่ดีนะ


ใครกังวลมากไม่อยากคิดอะไร เตรียมยาแก้เมารถ เมาเรือ เม็ดสีเหลืองไว้นะ
ช่วยได้เยอะมาก กินแล้วหลับปุ๋ย ไม่ต้องคิดอะไร
เพราะเดินทางมาอเมริกา กว่าจะต่อเครื่อง นั่งรอต่อเครื่อง รวมเวลาทั้งหมดแล้ว ประมาณ 1วันน่ะ
นั่งจนเบื่อเลยล่ะ ถ้าขึ้นเครื่องแล้วหลับได้จะได้ไม่มีเวลาเบื่อ

ตื่นมาก็ถึงแล้ว จริงๆไม่ถึงง่ายๆหรอก กว่าจะถึงก็ต้องตื่นหลายยรอบเชียวแหละ

คัดลอกประสบการณ์เดินทางครั้งแรกมาให้อ่านนะ
สมบัติที่แพรขนไปมี กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบ น้ำหนัก 20 นิดๆ ไม่เอา 23 เป๊ะ ตามสายการบินบอก
เพื่อนในนี้บอกว่า บางทีตาชั่งที่สนามบินก็จะชั่งได้ น้ำหนักมากเกิน ที่เราชั่งไปนิดหน่อย
แต่บางทีสายการบินก็จะหยวนๆให้ แต่แพรป้องกันไว้ดีกว่า ไม่อยากจ่ายเงินเพิ่มค่ะ

กระเป๋าขึ้นเครื่อง ถือเป็นเป้ใหญ่ๆ 1 ใบ พยายามใส่ของไปอัดแน่นสุดชีวิต กระเป๋าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุค1 ใบ ( ไม่นับสมบัติแพรที่ ใส่ไปในกระเป๋าเดินทางของแฟนอีก 2 กระเป๋าค่ะ :') )

ถ้าไปหน้าหนาว อย่าลืม แจีกเก๊ต หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ แยกถือขึ้นเครื่องไปด้วยนะคะ แพรลืมถุงมือไม่ได้แยกออกมาค่ะ มาถึงนี่ ถึงจะสัมผัสอากาศหนาวแป๊บเดียว แต่ก็หนาวสุดๆเลยค่ะ

[b] [u]แนะนำเรื่อง Pack กระเป๋าอีกนิด[/u] [/b]

[b]ของที่แพรเตรียมมาแล้ว พลาดค่ะ [/b]
1. ถุงมือสีดำ ลืมค่ะ เอามาแต่สีชมพู กับสีหวานแหว๋ว ถ้าเราอยากเข้ากับผู้คนส่วนใหญ่ของที่นี่ควรเป็นสีเอิร์ทโทนค่ะ
แพรมีสีดำ เตรียมไว้ แต่ลืมหยิบใส่กระเป่า มาถึงที่นี่ซื้อแบบมีคุณภาพอุ่นๆ หน่อย แพรซื้อประมาณ คู่ละ 600 บาท อาจไม่แพงสำหรับบางคน แต่ที่แพรเสียดายมาก คือมีอยู่แล้ว แต่ลืมเอามาค่ะ เสียดายตังค์ค่ะ ที่ไทย ถุงมือหนังด้วย ถูกกว่าตั้งเยอะ แพรก็ยัง คิดแล้วคิดอีก

2.กางเกงขายาวใส่นอนค่ะ ความที่แพรอยากเอาของมาเยอะ กางเกงขายาวแพรเลยเอาออกค่ะ มีลองจอนใส่นอนแล้ว แต่สำหรับคนขี้หนาว ก็ยังหนาวอยู่ดีค่ะ ถ้าได้ใส่กางเกงขายาวนุ่มๆนอนอีกตัว คงจะอบอุ่นมาก เอามาไว้ใส่เวลาอยู่ในบ้านตอนกลางวันที่อากาศหนาวๆด้วยค่ะ
( ลองจอน เลกกิ้งที่เพื่อนๆแนะนำ ใส่ทุกวันทั้งกลางวัน และตอนนอนค่ะ เอามาหลายๆตัว คุ้มมาก )

3. ที่ตัดเล็บ เตรียมแล้ว แต่พอมาถึงหาไม่เห็น เสียดายมากค่ะ มีขายที่นี่ก็จริง แต่ของพวกนี้ ชิ้นเล็กๆ ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักเท่าไหร่ เอามาได้ง่ายๆ ถูกด้วย เตรียมไว้แล้วด้วย เสียดายมากค่ะ

4.เสื้อโค้ทสำหรับใส่คลุม สำหรับที่ที่อากาศหนาวมีประโยชน์มากค่ะ ที่นี่ก็มีแต่แพง เอามาจากไทยความหนาอาจไม่ได้ ไม่เป็นไรค่ะ ข้างในก็ใส่ตัวอื่นที่หนาๆ ข้างในได้ แพรว่าสำหรับคนที่ต้องการประหยัด เอามาจากบ้านเรา คุ้มค่ะ แพรหยิบสีดำออกตอนจัดกระเป๋า เพราะของหนักเกิน เสียดายมาก จะไปซื้อใหม่ ก็ยังไม่มีโอกาส เสียดายเงินก็เสียดาย
ถ้าอยากเข้ากับผู้คนที่นี่ อยากที่บอก เตรียมสีดำ หรือ เอิร์ทโทน มาหนึ่งตัวก็ยังดีค่ะ อันนี้น้องแก้มแนะนำแพรมาอีกทีนึง

5. ยาหม่องตาเสือ อันนี้ก็ตั้งใจจะหยิบแล้ว แต่ยังใช้อยู่ทุกวันก่อนมา เลยยังไม่เอาใส่กระเป๋า พอถึงวันเดินทางลืม ไม่ใช่แพรใช้ค่ะ แฟนใช้ชอบมาก ซื้อที่ร้านเอเชียที่นี่ก็มี ตลับเล็กๆ ประมาณ 200 บาท ที่สำคัญ คือ แฟนบอกว่าไม่เหมือนกับของที่เมืองไทยค่ะ ข้างขวดเขียนว่าผลิตที่ มาเลเซีย แต่ยี่ห้อเดียวกัน ใครติดอะไรก็เอามาด้วยนะคะ ใส่ในกระเป๋าเดินทางได้มากตามต้องการค่ะ

6. หวีค่ะ ที่ไทยถูกมาก มานี่อันเล็กๆ แพงหมดเลยค่ะ จะซื้อใหม่ที่นี่หลายๆอัน หลายๆแบบเหมือนตอนอยู่ไทยนี่เสียดายตังน่ะค่ะ

[b]สำหรับอาหาร [/b]

แพรไม่เสียดายเลยค่ะ ที่เอามาน้อย ร้านเอเชียที่นี่มีขายราคาไม่แพงเท่าไหร่ค่ะ แลกกับค่าขนส่งแล้ว แพรว่าก็ถือว่าไม่แพงค่ะ
เราจะได้เอากระเป๋า ไปขนอย่างอื่นที่เราอยากเอามาเหมือนกันน่ะค่ะ

เช็คอิน Online ใน 24 ชั่วโมง ก่อนเดินทางค่ะ ไปถึงสนามบินจะประหยัดเวลามากขึ้น

พอถึงวัน เดินทาง โดยทั่วไปนี่เราควรไปเช็คอิน 2 ชั่วโมงก่อนเดินทาง แต่ช่วงที่แพรเดินทาง เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ก็เผื่อเวลาไว้ 3 ชั่วโมงก่อนเดินทางค่ะ เผื่อคนเยอะ เดินทางครั้งแรกอยากไปแบบ มั่นใจ ไม่ต้องรีบฉุกละหุกที่สนามบินน่ะค่ะ

กำหนดเดินทางของแพร ไฟล์ทแรกเริ่มเวลา 05.45
ไปถึงสนามบิน ขึ้นไปชั้น 4 ผู้โดยสารขาออก มองหา ป้าย ของสายการบินที่เราจะไปค่ะ

02.45 ไปรอต่อแถว เช็คอินค่ะ ไปถึงเร็วยังไงก็มีคนเยอะแยะแล้วแรก จนท.แรกจะถามว่า มีอุปกรณ์ของมีคม ของเหลวไม๊คะ แล้วก็ดูตั๋ว แล้วก็จดๆๆๆ จาก ตั๋ว ที่เรายื่น
ตรงนี้ เช็ค 2 จุดค่ะ คงเนื่องมาจากข่าวเกี่ยวกับมีคนพยายามลอบวางระเบิดสายการบิน Northwest ก่อนแพรเดินทาง ไม่กี่วัน

เสร็จแล้วก็เข้าไปต่อแถว เค้าเตอร์เช็คอินอีกที เอากระเป๋าเดินทางขึ้นชั่ง ไม่มีปัญหา
ใบที่ถือขึ้นเครื่องไม่ต้องชั่ง แต่ถ้าใหญ่มาก เราจะมีปัญหา ตอนใส่ในที่เก็บด้านบนศีรษะของเครื่องบินเล็ก ที่เราต้องไปต่อค่ะ (ในกรณีที่ต้องเดินทางต่อด้วยเครื่องบินเล็กไปอีกเมือง) ที่เก็บของเครื่องบิน เล็ก เล็กมาก หลายๆคนจะมีปัญหา กระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องใหญ่เกิน ต้องพยายามใส่ให้ได้ และตอนเอาออก ก็เอาออกยากค่ะ

เช็คน้ำหนักกระเป๋าเสร็จ ได้ ใบ Boarding pass และ และใบรับกระเป๋า
พร้อมกับ จนท. แจ้งว่า เวลา Boarding time คือเวลา 04.45
เราควรไปถึงจุดที่ตรวจอีกครั้งก่อนเข้าเครื่องน่ะค่ะ ให้ทันในเวลา Boarding time

เช็คอิน เสร็จ แพรกลับมาถ่ายรูปก่อนค่ะ ญาติๆ ยังมาไม่หมดเลย กลับมารอก่อน ถ่ายรูปๆๆๆๆ

ตามไปดูรูปที่นี่ค่ะ กำลังใจแพรเยอะมาก [url]http://www.usvisa4thai.com/board/viewtopic.php?f=52&t=23361[/url]

04.10 เดินเข้าไปตรงป้ายผู้โดยสารขาออก เตรียมพาสปอร์ตและ Boarding pass ยื่น ถ่ายรูป รับพาสปอร์ตคืน
เดินเข้าหา Gate
มองป้ายด้านบนค่ะ ว่า Gate ที่เราจะต้องไป ไปทางไหน หลังจากนั้นก็เดินๆๆ นานพอสมควรค่ะ
ไปถึงจุดตรวจ ถอดรองเท้า ยืน ตรวจ โต๊ะต่อไป เช็คกระเป๋า หยิบของออกจากกระเป๋า ไม่มีอะไรน่าสงสัยค่ะ
จนท.เอาของใส่คืน
แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ อีกนิดนึงค่ะ ลงบันไดไปวกวนไป

04.45 ไปถึงพอดีค่ะ ตรวจตั๋วอีกรอบ มีการติดสติกเกอร์ว่าผ่านการตรวจแล้วที่เสื้อเราด้วยค่ะ
นั่งรอ เรียกผู้โดยสารเข้า ปกติจะเรียก ชํั้นธุรกิจเข้่าก่อนค่ะ ชั้นธรรมดาเข้าทีหลัง
ถ้าไปที่สนามบินอื่นฟังไม่แน่ใจ ก็รอ แถวหลังๆน่ะค่ะ ยังไงถึงตรงนี้แล้วก็ขึ้นเครื่องทันแน่ๆ

05.00 แพรอยู่บนเครื่องแล้วค่ะ อีกตั้งนานกว่าเครื่องจะออก หลับ ไม่มีโอกาสได้ตื่นเต้น เลย ค่ะ คนขู่ไว้ตั้งเยอะ ว่า ตอนเครื่องกำลังขึ้น จะหูอื้อ มากเลย นะ หวาดเสียวด้วย ฯลฯ แพรไม่รับรู้เลยค่ะ หลับ เพราะกินยาแก้เมารถให้หลับ กลัวตื่นเต้น :')

หนัง เพลง เกมส์ บนเครื่องแตะนิดเดียว พอให้หายเห่อ แล้วก็หลับต่อค่ะ

06.55 กินข้าวมื้อแรก แอร์โฮสเตส เครื่องจากไทย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไทยค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง อาหาร ให้เลือกเป็นข้าวหรือ ไข่ค่ะ แอร์ฯ ถามง่ายๆค่ะ Rice or egg
จะเลือกกินอะไรก็บอกไป แพรเลือกไข่ เพราะกินข้าวบ่อยแล้ว ได้มาเป็น ไข่เละๆ 1 กล่อง @-)
แล้วก็เลือกน้ำ ว่าจะดื่มน้ำอะไร ส่วนใหญ่ก็เป็นน้ำทั่วไปเหมือนที่เรากินที่ร้านอาหารค่ะ น้ำเปล่า สไปร์ท โค้ก น้ำส้ม ก็บอกไปค่ะ

11.30 กินอาหารว่าง เป็นอาหารก่อนลงค่ะ อันนี้ไม่มีให้เลือก ยื่นมาก็รับค่ะ

12.35 [b]เตรียมลง ที่สนามบิน นาริตะ[/b]

ก่อนเครื่องขึ้นและลงทุกครั้ง รัดเข็มขัดให้ดี และปรับที่นั่งให้ตรงด้วยค่ะ แพรน่ะ ขึ้นเครื่องก็หลับ ฟังก็ไม่รู้เรื่อง แอร์ฯมาปรับให้ค่ะ :')

12.35 [b]เตรียมลง ที่สนามบิน นาริตะ[/b]

13.00 ลง เดินลงตามๆเค้าไปค่ะ เค้าขึ้นคันไหนก็ขึ้นตาม ขึ้นรถโค้ชไปอาคารผู้โดยสาร อากาศ ด้านนอก หนาวจนปากสั่นเลยค่ะ แต่เจออากาศหนาวแป๊บเดียวก็ถึงตัวอาคาร

พอลงจากรถโค้ชที่ส่งหน้าตัวอาคาร ก็มองป้ายด้านบนด้าน เขียนว่า Connecting flight ค่ะ
จะต้องขึ้นบันได ทางซ้ายมือ

เดินตรงไปตามคนอื่นไปเรื่อยๆค่ะ ต่อแถวตามที่เค้าต่อกัน เช็คกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง ออกไปจากตรงนั้นได้ รีบมองหาป้ายที่จะบอกว่า Flight ที่เราจะต้องต่อ จะต้องไปขึ้นที่ Gate ไหน

อย่างที่พี่อ้ายบอกไว้ค่ะ ตัวหนังสือนำหน้าด้วยภาษาญี่ปุ่นดูยาก ชื่อFlight ที่เราจะต้องต่อ จะตามหลัง ตัวเล็กๆ ต้องเพ่งมองนิดนึงค่ะ

หลังจากรู้ ก็เดินไปหา Gate ทางยาวพอสมควรค่ะ ต้องเดินไปให้ทัน เวลา Boarding time คือเวลาที่เรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ( จะระบุใน Boarding pass ได้ ตอน เช็คอินค่ะ )

ถึง Gate มองดูป้ายที่หน้าจอตรงเคาน์เตอร์ค่ะ ใช่ Flight เรารึเปล่า ถ้าใช่ และถึงเวลาพอดีก็ต่อแถว เช็ค Boarding pass ผ่านการตรวจ ให้วางกระเป๋า คลำๆ ตามตัวอีกรอบ แล้วเดินเข้าเครื่อง


ที่นาริตะ คนเยอะมากค่ะ แถวก็อาจจะเยอะ บางทีก็แยกแถว ชั้นธุรกิจ กับ ที่นั่งธรรมดา บางทีก็ 2 Flight ใช้ Gate เดียวกันเวลาเดียวกันเลย
ถ้าไม่แน่ใจก็เข้าไปถามที่ เคาน์เตอร์เลยค่ะ หรือถามคนที่ต่อแถวอยู่ Is this line for ..........? ชื่อ Flight ของเราค่ะ

หรือถามอะไรก็ได้ ที่จะให้รู้ว่าใช่ Flight ที่เราจะไปไม๊ ( แพรแนะนำสำหรับเพื่อนๆที่ไม่มีประสบการณ์เลยและไม่คล่องภาษาเหมือนแพรค่ะ )
เพราะความรู้สึกแพร ตอนนั้น ที่ไปถึงตรง Gate ของ Flight ต่อไปของเรา ที่ นาริตะ นี่คนเยอะมากค่ะ งง เลย นึกในใจว่า ถ้ามาคนเดียวทำไง คงยืน เอ๋อ ไปพักนึงน่ะค่ะ :')
ไม่เป็นไรนะคะ แพรเห็นหลายๆคนก็ยืนงง มองดูเหตุการณ์ ก่อนตัดสินใจมาต่อแถวน่ะค่ะ :)>-

ถ้าไปถึงก่อนเวลาเรียกขึ้นเครื่อง ( Boarding time ) จะดีมากค่ะ

พอแพรไปถึงเห็นเค้าต่อแถวกันอยู่ และถึงเวลาBoarding time ( คือเวลาที่เรียกผู้โดยสารเข้าเครื่อง )พอดี ก็เลยไปต่อด้วยเลย ปรากฎว่าไปต่อแถวชั้นธุรกิจค่ะ หน้าแตก :')
ทั้งๆที่แฟนไปด้วยนะเนี่ยะ เพราะความที่รีบ ไปถึงพอดีกับเวลา และหน้าจอขึ้น Flight ที่เราจะไปค่ะ เลยไปต่อเลย
ไปถึงสังเกตนิดนึงค่ะ ถ้ามี2 แถว แถวสั้นน่าจะเป็นชั้นธุรกิจ แถวที่ยาวมาก น่าจะเป็นที่นั่งธรรมดา ถ้าสงสัยก็ต้องถามล่ะค่ะ
( ในกรณี ที่ไปถึง Boarding time พอดี เหมือนแพร แล้วมีคนต่อแถวอยู่แล้ว และ Gate เดียวกัน เวลาเดียวกันนี่ มี 2 flight ขึ้นที่หน้าจอ เหมือนที่แพรเจอ น่ะค่ะ )

แต่ถ้าไปถึงก่อนเวลา Boarding time มาก ยังไม่ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องก็นั่งรอค่ะ รอจนกว่าจนท. จะเรียก แต่บางที คนเยอะๆ เค้าก็พากันไปต่อแถวไว้เลย ทั้งที่จนท.ยังไม่เรียกค่ะ
ฝรั่งนี่ ถนัดต่อแถวกันจริงๆ

14.26 อยู่บนเครื่องแล้วค่ะ Flight นี้ดีหน่อย ตรงที่มีรายการอาหารวางไว้ ที่ที่นั่งเราค่ะ ให้เราดูทำความเข้าใจก่อน พอเค้าถามจะได้บอกถูกว่าจะเลือกอะไร ไม่ยากค่ะ

ต่อเครื่องจากญีปุ่น อาหารหลักก็จะเป็น เส้นก๋วยเตี๋ยว แบบญีปุ่น กับ ไข่ คำถามง่ายๆค่ะ ( เผื่อไปคนเดียว ) แอร์ฯ จะพูดสั้นๆว่า Noodle or egg ? แล้วน้ำก็จะเหมือนๆเดิมค่ะ

ก่อนลงก็ได้อาหารว่างอีกค่ะ อันนี้ไม่มีให้เลือก เค้ายื่นมาก็รับไว้

[b]
ต่อไปเราจะต้อง เข้าประเทศอเมริกาแล้วค่ะ [/b]

แอร์ฯ จะเอา กระดาษมาแจกให้เขียน เป็น ใบ สีขาวๆ 1 ใบ ( Form I-94 ) สำหรับวีซ่าที่ไม่ใช่วีซ่าถาวร แพรไปด้วยวีซ่าถาวร CR1 แอร์เค้าไม่รู้ค่ะ เค้าก็เอามาให้เขียน แพรก็เขียนๆๆๆ พอไปถึง ตม.เค้าฉีกทิ้งค่ะ
ในนี้ต้องใส่ที่อยู่ที่เราจะไปพักอาศัยด้วยค่ะ ใครจำไม่ได้ก็จดที่อยู่ใส่กะดาษพกติดตัวไว้ด้วยนะคะ เผื่อไว้ใช้ฉุกเฉินจำเป็นด้วยค่ะ

อีกใบเป็นใบ Customs Declaration card แพรเขียนไปว่ามีอาหาร แพรเขียนอธิบาย ด้านหลังของใบนี้ ว่ามีอาหารอะไร บ้าง ราคาประมาณเท่าไหร่

อ่านคำแนะนำการเขียนก่อนไปได้ที่นี่ พี่แนทรวบรวมไว้ http://www.usvisa4thai.com/board/viewtopic.php?f=6&t=11687


แพรหาข้อมูลไปว่า ถ้าเราไปพร้อมแฟน ครอบครัวเดียวกัน นามสกุลเดียวกัน ใช้ใบเดียวได้ แต่ แอร์ ก็ยื่นให้ 2 ใบ

( แพรบอกแฟนไว้แล้วว่าเขียนใบเดียวกันได้ แฟนเลยถามแอร์ ฯ แอร์ ฯบอกว่า ต้องเขียน เพราะแพรกับแฟนจะเข้าคนตรวจ ละช่อง เขียนก็เขียน แต่พอไปถึงที่นู่นจริงๆ ใช้ใบเดียวค่ะ )

เ[b]อาอะไรไปได้บ้าง [/b]
อาหารแห้งเอามาได้แน่ๆค่ะ แต่ไม่ใช่หมูหยองแห้งนะคะ ;)
แต่แพรเอาอาหารมาไม่มากค่ะ พยายามตัดใจเพราะมีของอย่างอื่นที่อยากเอามาตั้งเยอะ

มาม่า มาซื้อที่ร้านเอเชียที่นี่ ห่อละประมาณ 12 บาทค่ะ ไม่แพงเท่าไหร่นะ
เอาเสื้อผ้าหนาๆมาดีกว่าค่ะ ที่นี่แพงแน่ๆ
แพรเอาพริกผง ปลาป่นที่แม่ทำให้ วุ้นเส้น 2 ห่อ ละก้อ มาม่า นิดหน่อย อ๊อ ปลาร้าบองด้วยค่ะ :')

แพรเขียนง่ายๆ ด้านหลังของใบ Declare ค่ะ
Dried fish ,Dried chili , Chili paste ไม่มีปัญหาค่ะ ไม่ต้องเปิดกระเป๋าด้วย
( วุ้นเส้น ไม่ได้เขียนบอก คิดว่าตัวเองหยิบออกจากกระเป๋า ตอน Pack และเลือกว่าจะเอาอะไรออก แต่ไม่มีปัญหา เค้าไม่ได้ให้เปิดกระเป๋า ถ้าเขียนก็เขียนตามข้างห่อค่ะ Bean thread )

หาข้อมูลจากที่เพื่อนๆ เอามาฝากไว้ค่ะ [url]http://www.usvisa4thai.com/board/viewtopic.php?p=10670#10670[/url]

ก่อนลงจากเครื่อง ใน Flight ที่ลงไปแล้วจะต้องเจอด่าน ตม. แพรก็ทำตามคำแนะนำของเพื่อนๆ ในนี้ เข้าไปเช็ดหน้าเช็ด ตา เติมแป้งนิดนึงที่ห้องน้ำ ก่อนลงจากเครื่อง ให้พอดูได้ค่ะ เพราะ ตั้งแต่เริ่มต้น ขึ้นเครื่องมา นอนมา ทั้งหมด ตั้งเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว ( ต้องถ่ายรูปด้วยค่ะ :-) )


รัดเข็มขัด ปรับที่นั่งให้ตรง เตรียมลง แฟนบอกไว้ว่า เวลาลง พยายามลงให้ได้ทัน ก่อนคนที่นั่งด้านหลังเดินทยอยมาลง แล้วเราจะออกจากที่นั่งยาก อาจเหลือเวลาในการเดินไป Gate น้อย ( ในรายที่มีเวลาต่อเครื่องน้อยมากๆค่ะ ถ้ามีเวลามาก ก็ไม่ต้องรีบ )

ถ้าเรา ออกไปได้เร็ว เวลาออกไปต่อแถว ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเราจะได้อยู่ ต้นๆ เสร็จเร็ว มีเวลาเดินไป Gate สบายๆค่ะ แพรต้องรีบ เพราะมีเวลาค่อนข้างน้อยค่ะ
[b]
[u]แพรเข้าอเมริกา ตม.ที่ ดีทอร์ย ( Detroit ) ค่ะ[/u] [/b]

พอไปถึงสนามบินก็เดินไปตามที่คนอื่นเดินเข้าไปน่ะค่ะ มองหาคำว่า Visitor ที่นี่เราจะต้องต่อแถวรอ ตรวจคนเข้าเมือง เตรียม พาสปอร์ตกับใบ Customs Declaration ไว้ในมือเลยค่ะ

[color=#FF0000]ในบางที่ในกรณีที่ไปด้วยวีซ่า `CR1`และ ไปพร้อมแฟน อาจจะไปเข้าช่อง US citizen กับแฟนเลยก็ได้[/color]
แต่ที่นี่ แฟนถาม จนท.ที่คอยยืนตะโกนบอกน่ะค่ะ ว่าเราต้องเข้าช่องไหน เค้าบอกว่าเราต้องเข้าช่อง Visitor ไม่สบายใจเลยค่ะ กลัวแฟนต่อแถวผิดแล้วต้องไปเริ่มต่อแถว ใหม่ ทั้ง แถว US citizen และ Visitor ยาวมากๆๆ ค่ะ ขนาด แพรมีเวลาระหว่างต่อเตรื่องตั้งนาน ยังลุ้นเลย ว่าเราจะต่อเครื่องทันไมี เนื่องจากแถวยาวมากๆ


พอถึงคิว
จนท. ขอดูพาสปอร์ตแฟน ตรวจๆๆๆ เช็คๆๆ ในคอม ให้ถ่ายรูป และพิมพ์นิ้วมือ

ตรวจตรงนี้เสร็จ วีซ่าถาวรต้องไปตรวจอีกช่องด้วยค่ะ ถัดไปนิดนึง ช่อง [color=#0000BF] [b]Blue line[/b] [/color] ไปต่อแถวคนที่ต่ออยู่แล้วอีกรอบ ช่องนี้แหละค่ะ ที่แพรต้องยื่น เอกสาร ซองสีน้ำตาลให้
จนท.ก็กำลังหัดใหม่ค่ะ มีพี่เลี้ยงคอยแนะนำว่าต้องทำอะไรบ้าง ช้ามากค่ะ พิมพ์ลายนิ้วมือ แบบหมึกปั้มน่ะค่ะ ห้ามออกแรงกด จนท.จะจับปั้มเอง


แล้ว จนท.ก็อธิบาย ว่า เรามาด้วยวีซ่า นี้ จะมีสิทธิ์อะไรบ้างในเมืองนี้ อธิบายคร่าวๆ และบอกว่า กรีนการ์ด จะส่งไปที่ที่อยู่ที่เราแจ้งไว้ ให้ตรวจสอบที่อยู่อีกรอบค่ะ

ทั้งแพรและแฟนเซ็นต์ชื่อในกระดาษที่เค้ายื่นให้
ตรงช่องนี้แหละค่ะ ฉีกใบกระดาษสีขาว ( I-94 Form ,แพรมาด้วยวีซ่า CR1ไม่ต้องเขียนใบนี้ ) และ ใบ Declare ที่ครอบครัวแพรเขียน 2 ใบ ตามแอร์ฯ บอก
สรุปครอบครัวเดียวกัน ใช้ใบเดียวกัน ตามที่หาข้อมูลไปจากที่นี่ค่ะ

เสร็จขั้นตอนนี้แล้ว รีบๆๆๆ ค่ะ เดี๋ยวไม่ทันต่อเครื่อง ไปเอากระเป๋าค่ะ

จะมีช่องรับกระเป๋าหลายที่มาก สังเกตว่ากระเป๋าเราอยู่ตรงไหน จากป้ายที่อยู่เหนือลางเลื่อน กระเป๋าค่ะ จะบอกชื่อสายการบิน แพรมองไว้ตั้งแต่ยืนตรงช่อง ที่ยื่นซองน้ำตาลแล้วค่ะ เพราะมีเวลาเหลือน้อย เห็นกระเป๋า ตั้งแต่ตอนนั้นก็ใจชื้นแล้วค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเวลาหากระเป๋า

เอาที่ขนกระเป๋ามาจับกระเป่าใส่ แฟนเช็คป้ายที่กระเป๋า แพรก็จับใส่ จับใส่ ลากๆๆ อย่างรวดเร็ว เดินไปตรง Customs ไปต่อแถวที่เค้ากำลังต่อกันค่ะ เตรียมพาสปอร์ต กับใบ Declare ไว้ในมือค่ะ จนท.ถามว่า มี Foodไม๊ ตอบอย่างมั่นใจค่ะ มีค่ะ และก็บอกไปเลยว่ามีอะไรบ้าง เพราะหาข้อมูลไว้แล้ว เอาเข้าไปได้แน่ๆ

แล้วก็ผ่านค่ะ ไม่ต้องเปิดกระเป๋าตรวจดีใจจัง เพราะ ใส่ของมาเยอะมาก รีบด้วย

แล้วก็ลากกระเป๋าไปต่อที่แผนกตรวจกระเป่า จะมี จนท.คอยบอกให้ไปช่อง A,B,C หรือ D คนเยอะมากค่ะ ทุกอย่างต้องรีบทำแบบเร็วมาก
ทุกคนจะรีบจัดการ ไปเอากล่องที่วางสำหรับใส่ของเพื่อผ่านลอดช่องตรวจน่ะค่ะ ถอดเสื้อนอก ถอดรองเท้า ถอด เข้มขัด เอา คอมพิวเตอรื โน๊ตบุค มาวางในกล่อง เอาออกจากกระเป๋า ถือพาสปอร์ตกับ Boarding pass ไว้ในมือ
ทำแบบเร็วมากค่ะ เพราะทุกคนจะเสียเวลากับ ตม. นานมากๆ
ยืนรอจนของทั้งหมดผ่านไปได้ เราก็ เดินไปเข้าช่องสแกน ถ้ามีเสียงดัง จนท.ก็ จะคลำตรวจร่างกาย จากนั้นก็ไปรับของ ใส่ รองเท้า เก็บของใส่กระเป๋า

เสร็จแล้วรีบ มองไปที่ป้าย ข้างฝาผนังกำแพง ที่อยู่หน้าเราเลย ค่ะ มองไปด้านบน ที่บอกชื่อ Flight เล็กๆ ว่า Gate อยู่ไหน


ลากเอากระเป่าไปส่งให้จนท.ที่กำลังรับกระเป๋า เพื่อส่งต่อเครื่อง แล้วก็รีบ ไปต่อ ไม่สนใจเลยค่ะ ว่าเค้าจะเอากระเป๋าไปไหน

แล้วก็รีบวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนไป รีบมากจริงๆ ค่ะ เพราะเหลือเวลาน้อยแล้ว

จากนั้นก็รีบไปหา Gate ให้เร็วที่สุด ถึง Gate ทำเหมือนเดิม เหมือนต่อเครื่องที่นาริตะ ค่ะ

[b][u]แพรนั่งต่อไปลง Atlanta ค่ะ[/u] [/b]

พอไปถึง ที่นี่ จะเป็นสนามบินใหญ่มาก มีรถไฟฟ้าให้ไปแต่ละ Gate ค่ะ แฟนบอกให้ขึ้นรถไฟฟ้า แพรไม่เชื่อค่ะ เพราะ ป้ายที่ชี้ทางไป Gate ชี้ว่าตรงไป แพรก็เดินตรงไปตามทางเลื่อน
Gate เยอะมากค่ะ
เริ่มจาก A 1,2,3,4,5........ไปยาวมาก ไม่รู้ถึงเลขเท่าไหร่ค่ะ ต่อไปก็เป็น B 1,2,3....... และก็ C แพรต้องไป ที่ C57 ค่ะ
เดิน ไกลมากๆ มิน่าเค้าถึงมีรถไฟฟ้า รู้งี้ขึ้นรถไฟฟ้าตามแฟนบอกก็ดี #-o

ตอนขึ้นเครื่องสายการบินในประเทศนี่ เป็นเครื่องบินเล็ก ไม่แยกชั้นแล้วค่ะ เหมือนกันหมด พอจนท.เรียก เดินเข้าพร้อมกันได้เลย ยื่น Boarding pass ให้ จนท. เข้าไปในเครื่อง อย่าลืมปรับที่นั่งให้ตรงนะคะ :)>-

No comments:

Post a Comment

แวะมาเยี่ยมชมแล้วก็ฝากข้อความกันได้น๊า
หลังจากพิมพ์ ข้อความเสร็จ เลือก ตรง comment as "anonymous" สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกน๊า แล้วก็กดโพส์คอมเม้นท์

โอนเงินจากอเมริกาไปไทย โดยใช้บริการ MoneyGram หรือทางไหนดี

ส่งเงินจากอเมริกา ไปไทย ที่ไหน ทางไหนเรทดี ? คนมาอยู่อเมริกาคงมีคำถามนี้กันเนาะ วันนี้ยกตัวอย่างบางช่องทางนะคะ เราถนัด MoneyGram เพราะสะ...