Friday, December 27, 2013

รวมลิงค์เกี่ยวกับการโอนเงิน ไปไทย

รวมลิงค์เกี่ยวกับการโอนเงิน ไปไทย

ลงลิงค์ไว้ เดี๋ยวจะมาอ่าน


การโอนเงินผ่านธนาคารกรุงเทพ เติ้ล  http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tle&group=32

คำแนะนำ จากธนาคารกรุงเทพ http://www.bangkokbank.com/bangkokbankthai/personalbanking/dailybanking/transferingfunds/transferringintothailand/receivingfundsfromusa/Pages/ReceivingFundsfromUSA.aspx

เปรียบเทียบ การโอนเงินผ่านเพพาล เข้าธนาคารกรุงเทพ สองวิธี http://www.bangkokbank.com/BangkokBankThai/Documents/Site%20Documents/GPSD/ThaitradeSeminar.pdf

การคิดค่าธรรมเนียม Paypal http://www.thaiebayuser.com/paypal/

Thursday, December 26, 2013

Point Defiance Park, Tacoma, WA

วันนี้ไปเดินออกกำลังกายที่ point Defiance Park, Tacoma, WA
อากาศ 0องศาCแต่สบายๆเพราะใส่เสื้อหนาว3ตัว บวมเลย
บรรยากาศมีหมอกคลุมจางๆสวยมาก






Saturday, December 21, 2013

การกรอกแบบฟอร์ม N-400

ทำตัวอย่าง เขียนอธิบายให้บางส่วนนะจ้ะ 
ถ้าทำหมดต้องใช้ความพยายาม และความขยันเยอะมาก
ศัพท์เยอะ  ทำไปก็เปิดดิคไปแทบทุกคำ
ภาษาอังกฤษไม่ได้คล่องกว่าคนอื่นเลย
เอาไปแค่นี้ก่อนนะ
ถ้าขยัน  มีไฟ ก็จะได้เห็นครบจ้ะ

แบบฟอร์มล่าสุด Expires 03/31/2013 แต่ยังเป็นแบบฟอร์มที่ใช้ในปัจจุบัน  ยังไม่มีอันใหม่มา ใช้อันเดิมไปเรื่อยๆ ก่อน

การกรอกข้อมูลN-400
กรอกข้อมูลโดยเขียนเองหรือพิมพ์ในคอมก็ได้
กรอกด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ และ ใช้หมึกสีดำ
USCIS เปลี่ยนแบบฟอร์มN-400. http://iamparewa.blogspot.com/2014/02/n-400.html

ตั้งแต่ Part 10ไม่ได้อธิบายละเอียดในตัวอย่างที่ทำไว้ให้นะจ้ะ  เปิดดิก หรือถาม อากู เลยนะจ้ะ

Part 10 ถามคำถามความหมายตรงๆ ตอบ Yes หรือ No
ปกติ ตอบ No ทุกข้อ
ถ้าตอบ Yes แสดงว่าเราเคยมีปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ดูคำแปลเองนะจ้า   คำไหนไม่เข้าใจ หาใน google พิมพ์คำนั้นลงไป ต่อด้วย หมายถึง กด Enter ความหมายก็จะขึ้นมา
ต้องพยายามจำ คำถาม ทำความเข้าใจความหมายทุกข้อด้วย เพราะวันสัมภาษณ์จนท.จะถามข้อมูลส่วนนี้ด้วย
จนท.อาจถามในเนื้อหาแต่ละคำถามบ้าง เพื่อทดสอบทักษะภาษาอังกฤษของเรา (ไม่จำเป็นต้องถึงกับสื่อสารภาษาอังกฤษคล่อง แต่ขอให้สื่อสารได้บ้าง )
หาความหมายเองแล้วจะจำศัพท์ได้ดีกว่าอ่านไทย
  Part นี้ศัพท์ค่อนข้างเยอะ เราต้องจำให้ได้  ไม่ได้แปลให้
เพราะถ้าแปล เราก็พึ่งdictionary เหมือนกัน เพราะเราเข้าใจแค่ความหมายรวมๆ
ถ้าจะแปลให้หมดต้องเปิดดิกเยอะเลยกว่าจะทำเสร็จทั้งหมด เลยทำมาให้แค่ช่วงแรกที่ต้องมีการกรอกข้อมูลด้วย
ช่วงคำถามที่ตอบ Yes, No นี่ไม่ได้ทำให้ เพราะถามตรงตัวเข้าใจและตอบได้ง่ายๆ

ส่วนสุดท้าย ของ Part 10 Oath requirements ข้อ 34-39 ต้องตอบ Yes ทุกข้อ ถ้าตอบ No คุณสมบัติเราก็คงไม่ผ่าน


part 11 เซนชื่อ ลงวันที่

Part 12 ข้ามไปเลย ถ้ากรอกข้อมูลเตรียมเอกสารเอง ไม่ได้ใช้ทนาย

Part 13-14 ไม่ต้องกรอกไปกรอกต่อหน้า จนท. ในวันสัมภาษณ์
(บรรทัดล่างสุด Printed Name of Applicant หมายถึง เขียนชื่อตัวเองด้วยตัวบรรจง ตัวบรรจงในภาษาอังกฤษคือการเขียนด้วยตัวพิมพ์ ไม่ใช่ตัวเขียนที่เป็นตัวหนังสือมีเส้นลากต่อกัน Part นี้ยังไม่ต้องกรอก

ตอนสมัคร ไปเขียนต่อหน้าจนท.วันสัมภาษณ์ค่ะ )

สงสัยข้อไหนที่ไม่ได้แปลให้ ถามมาเป็นข้อๆละกัน

เก็บตัวอย่างไว้ดูส่วนตัวตามสบาย
แต่ขอสงวนสิทธิ์ไม่เอาไปวางในที่สาธารณที่อื่นนะจัะ

การกรอกแบบฟอร์ม N-400
http://iamiiws.files.wordpress.com/iiws.pdf

การกรอกแบบฟอร์ม N-400 ตัวอย่าง
http://iamiiws.files.wordpress.com/2012 ... sample.pdf

ข้อมูลการเป็นพลเมืองสหรัฐภาษาไทย แต่ในส่วนของแบบฟอร์มไม่มีตัวอย่างภาษาไทยจ้ะ
http://www.spl.org/Documents/audiences/ESL/citizenship/citizenship_th.pdf


ปัจจุบันแบบฟอร์ม ใช้ฟอร์มใหม่แล้วน๊า
ไม่ได้ทำให้ใหม่
พอดูจากอธิบายเดิมประกอบกันไปได้อยู่นะ







คำแนะนำ จาก USCIS https://www.uscis.gov/green-card/green-card-through-family อ่านข้อมูล วีซ่าถาวรอเมริกา http://www.mygreencardus.com/ Facebook fanpage สำหรับติดตามข้อมูลข่าวสารวีซ่าถาวรอเมริกา https://www.facebook.com/mygreencardus/

Sunday, December 15, 2013

วิธีส่งเงินกลับไทยทางMoneyGram

วิธีส่งเงินกลับไทยทางMoneyGram เเขียนอีกรอบนะจ้ะ แบบละเอียดกว่าเดิม ข้อมูลภาษาไทย https://www.moneygram.com/MGI/TH/TH/Send/Send.htm?CC=TH&LC=TH
วิธีนี้อาจไม่ถูกสุดในวิธีการส่งเงินทั้งหมดที่มี แต่ก็ไม่แพงเกินไป และสะดวก สำหรับเรา
เหตุผลคือ ปกติเราส่งไม่เกิน 500$ ต่อครั้ง ค่าธรรมเนียม 9.99$
และสิ่งสำคัญคือ ต้องการเอาเงินสดไปยื่นส่ง เลยได้เลือกใช้วิธีนี้ วิธีอื่นอาจถูกกว่า(นิดหน่อย)

MoneyGram แบบโอนเข้าบัญชีธนาคารผู้รับเลยทำได้บางประเทศ ตอนนี้ยังไม่มีโอนเข้าบัญชีที่ไทย
ถ้าจะส่งผ่านMoneyGramไปไทยตอนนี้ ต้องให้ผู้รับทางไทยใช้รหัสกับบัตรประชาชนไปรับเป็นเงินสดที่ธนาคาร

ถ้ามีเงินสด ต้องการโอนทันทีตอนนี้ไปใช้บริการได้ที่เคาเตอร์มันนี่แกรมที่ Walmart จำนวนเงินที่ส่งถ้าไม่เกิน 500 $ ค่าธรรมเนียม 9.99$ มากกว่านี้ค่าธรรมเนียมก็เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนยอดเงินที่ส่ง (น้อยมากค่าธรรมเนียมก็ลด )
ถ้าเป็น เคาเตอร์มันนี่แกรม ในWalmart จะเสียค่าธรรเนียมให้เฉพาะ ค่าส่งของมันนี่แกรมคือ 9.99$ (ถ้าไม่เกิน $500)
ไม่มีค่าธรรมเนียมให้ห้าง (ที่อื่นต้องจ่ายเพิ่ม )
เราส่งที่ Walmart ประจำเพราะยอดส่งไม่เยอะมากขนาดถึงควรส่งผ่านธนาคาร และต้องการยื่นเงินสดส่ง เลยสะดวกที่ไปที่นี่

วิธีการส่ง เตรียมเงินสดไปส่งที่เคาเตอร์ที่มีบริการ MoneyGram ไปถึงกรอกข้อมูลในใบส่ง (สีแดง) มีวางไว้ให้หยิบที่เคาเตอร์
ตอนส่งต้องระบุชื่อผู้รับ (ภาษาอังกฤษสะกดตามบัตรประชาชนผู้รับที่ไทย ) เบอร์โทรศัพท์ ประเทศที่รับ จำนวนเงินที่ส่ง ชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ผู้ส่ง
จะมีช่อง ข้อความให้ฝากข้อความได้ เราข้ามเลย ไม่เคยฝากข้อความอะไร
  ยื่นแบบฟอร์มส่งเงินให้ จนท. จนท.จะถามทวนว่าส่งเงิน จำนวน .... ใช่ไม๊ ( ส่งได้ ครั้งละ ไม่เกิน 10,000$ )
แล้วจะบอกเรามาว่ายอดรวมค่าธรรมเนียม เท่าไหร่
เราจ่ายเงินตามยอดเงินที่จะส่งบวกค่าธรรมเนียม
จนท.จะให้เซ็นชื่อในในเสร็จตัวจริง
เราจะได้อีกชุดมา ในนั้นจะมีรหัสที่จะใช้ไปรับเงิน
หลังได้รหัส โทรไปบอกผู้รับทางไทย บอกรหัส และ จำนวนเงินที่จะได้รับ ชื่อผู้ส่ง

ขั้นตอนรับเงิน ผู้รับเตรียมบัตรประชาชนตัวเอง ไปรับเงินได้ที่ธ.ไทยพานิช หลังส่งประมาณ 10 นาที (หรือไปรับวันอื่นที่สะดวกก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปรับวันนั้นเท่านั้น )

พอธนาคารทางไทยได้รับข้อมูลออนไลน์ ก็จะรับเงินได้
อาจรอช้าหน่อย ถ้าเนทธนาคารช้า
แต่ปกติ แม่เราที่รอรับทางไทยไม่เคยไปรับทันที เพราะเราส่งเวลากลางวันเรา ที่ไทยนอน พอที่ไทยตื่นก็โทรไปบอก เลยไม่เคยรับในเวลา10 นาทีหลังส่งเลย ลองเข้าไปคำนวณในลิงค์นี้ว่า

ส่งเท่าไหร่ได้เงินเท่าไหร่ https://www.moneygram.com/wps/portal/mo ... r?LC=en-US
  มี อัตราแลกเปลี่ยน ในวันที่จะส่งบอกเผื่อเอาไปเทียบกับวิธีอื่น ทุกครั้งที่จะส่งเงิน
เราจะเข้าไปลองคำนวณก่อนว่า ถ้าอยากส่งเงิน จำนวน ... ไทยบาท ในวันนั้น จะต้องส่งเป็นเงินดอลล่าห์เท่าไหร่ ถึงจะพอดียอดไทยบาทที่เราต้องการ
วิธีนี้ ส่งได้ ครั้งละ ไม่เกิน 10,000$ ค่าธรรมเนียม สำหรับ 10,000$ = 200 $ ประมาณหกพันกว่า
( ถ้าจะส่งเงินมากเป็นหมื่น$ ใช้วิธีส่งผ่านธนาคารทาง SWIFT CODE ดีกว่า )
MoneyGram เหมาะสำหรับยอดเงินที่ส่งไม่มาก และ ต้องการให้ผู้รับได้รับเงินทันที วิธีการรับเงิน https://www.moneygram.com/MGI/TH/TH/Receive/Receive.htm?CC=TH&LC=TH
ผู้รับชื่อตามที่ระบุ เตรียมบัตรประชาชน ไปรับเงินที่ เคาเตอร์ ธ.ไทยพานิช เราให้แม่ เขียนใส่กระดาษไปยื่นเลยค่ะ
แม่อายุมากแล้ว จะได้ไม่ต้องตอบผิดตอบถูก
ในนั้นจะเขียนว่า รับเงิน MoneyGram จาก ชื่อนามสกุลผู้ส่ง รหัส ..... จำนวนเงิน ..... แล้วยื่นให้พร้อมบัตรประชาชน ให้ จนท.จัดการให้
บางที่จนท.อาจให้กรอกแบบฟอร์มรับ แต่แม่เราไม่เคยต้องเขียน คงเพราะอายุมากแล้ว จนท.จัดการให้หมด ให้เซ็นต์ชื่อรับเงินอย่างเดียว

รับเงินได้ไหนบ้าง ตรวจสอบในนี้ https://www.moneygram.com/WCM/groups/webcontent/documents/content/locator_main_file.html?countryCode=TH&languageCode=th
ส่งได้ทุกที่ที่มีเคาเตอร์ มันนี่แกรม แต่ถ้าไม่ใช่เคาเตอร์มันนี่แกรมในห้าง Walmart อาจเสียค่าธรรเนียมให้ห้างนั้นด้วย คือค่าธรรมเนียมอาจจะเพิ่มขึ้น เคยเห็นที่ SafeWay ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มให้ห้างนิดหน่อย
ถ้าจะให้แน่ใจว่าไม่ต้องจ่ายเพิ่มให้กับสถานที่ส่ง ต้องเป็นเคาเตอร์ MoneyGram ใน Walmart ถ้าไม่สะดวกไปที่ Walmart ที่ห้างอื่นก็ลองมองหาป้ายเขียนว่า MoneyGram ป้ายสีเหลืองดำ บางคนบอกว่ามีในปั้มน้ำมันบางปั้มด้วย

Moneygram แบบ on line จ่ายผ่านบัตรเครดิต 500$ ค่าธรรมเนียม 10 $ โอนได้ไม่เกิน 1,499.99$

Moneygram แบบ on line หักเงินจากบัญชีธนาคาร ทางไทยรับเงินใน 3 วัน ค่าธรรมเนียม 5 $ ส่งได้ไม่เกินครั้งละ 1,499.99$

แต่ก่อนคุณผู้ชายรู้จักแต่ Western Union เราลองคำนวณ ถ้าส่งเงิน จำนวน 500$ ค่าธรรมเนียม 43$ สำหรับ Western Union แพงกว่า Moneygram มาก เลยเปลี่ยนมาส่งทาง MoneyGram ประจำ สะดวกและก็ไม่แพงเกินไป

สำหรับวิธีโอนทางธนาคารด้วยตัวเองที่เติ้ลแนะนำ ค่าธรรมเนียม อาจถูกกว่านิดหน่อย แต่ผู้รับทางไทยไม่ได้เงินทันที เหมาะสำหรับคนที่เตรียมการส่งไว้ก่อนล่วงหน้า ก่อนวันที่ทางไทยต้องการใช้เงิน และต้องถนัดในการใช้ระบบออนไลน์พอสมควร ข้อมูลจะได้ไม่ผิดพลาด เราเองไม่เลือกวิธีนี้ เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่คล่องกับระบบออนไลน์ และ ไม่อยากหักเงินจากบัญชีโอนไปเข้าบัญชีไทย สะดวกเอาเงินสดไปยื่นส่งมากกว่า เลยเลือกส่งแบบ MoneyGram




มีอีกวิธีที่อาจถูกกว่าคือโอนเงินผ่านทางPayPal  (ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่โอน )
ถ้าไม่ใช่โอนไปบัญชี Paypal ที่ผูกบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ  PayPalจะให้อัตราแลกเปลี่ยนต่ำเพื่อเอาส่วนต่างที่ได้ไปเป็นค่าบริการ ( ค่าธรรมเนียมถูกมาก 500$ ค่าธรรมเนียม 2.5$  แต่อัตราแลกเปลี่ยนต่ำกว่า อัตราแลกเปลี่ยนธนาคารในวันนั้น )
สำหรับเรา คิดว่า วิธีนี้ not too bad น่ะ
เพราะค่าโอนถูกมาก อัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่าธนาคารหน่อย พอบวกลบคูณหาร ยอดเงินทั้งหมด (ที่ส่งไม่เยอะมาก ครั้งละประมาณ 500$  ก็หยวนๆ
แล้วแต่สะดวกใช้วิธีไหน 

ต้องศึกษาข้อมูลพอสมควรเพราะเป็นการโอนเงินออนไลน์ด้วยตัวเอง


โอนเงินทาง  Paypal อเมริกาไปเข้าPaypalที่ผูกกับบัญชีธนาคารกรุงเทพ
จะได้อัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมเหมือนโอนไปเข้าผ่านธนาคารกรุงเทพโดยตรง
(เพราะถือว่าเป็นการโอนระหว่างธนาคารในอเมริกา เนื่องจากธนาคารกรุงเทพมีสาขาในอเมริกา )  

คิดค่าธรรมเนียมตอนโอนจาก ธนาคารกรุงเทพนิวยอร์คไปสาขาที่ไทย ( 100-2000$ ค่าธรรมเนียม 5$)

วิธีการเหมือนที่เติ้ลทำ แต่ไม่ใช่การทำผ่านบัญชีธนาคาร
ทำผ่านบัญชี Paypal วิธีนี้ Paypal ก็เหมือนเป็น ธนาคารออนไลน์ของเรา แทนการทำรายการผ่านบัญชีธนาคารในอเมริกา

เติ้ลโอนผ่านธนาคารอเมริกาเข้าธนาคารกรุงเทพ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tle&group=32


ถ้าโอนทางPaypal   เข้าบํญชี Paypal ที่ผูกกับบัญชีธนาคารอื่นๆในไทย
จะได้ อัตราแลกเปลี่ยน ต่ำกว่าโอนเข้า Paypalที่ผูกกับบัญชีธนาคารกรุงเทพ 
แต่ค่าส่งโอนไป Paypal ธนาคารอื่น อาจถูกกว่า โอนไป Paypal  ธนาคารกรุงเทพ ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่โอน


จะเลือกโอนแบบไหนดี เข้าบัญชีไหนดี ขึ้นอยู่กับ จำนวนเงินที่โอนและความสะดวกของเรา




การคิดค่าธรรมเนียม บางคนไม่รู้ว่า การคิดค่าธรรมเนียม เงินที่ส่งไปไทย ขึ้นอยู่กับว่าเราผูกบัญชีPaypal กับธนาคารไทย ไว้กับธนาคารอะไรด้วย
เขียนไว้ในนี้หลังจากตัวเองพึ่งมารู้หลังจากลองทำแล้ว  ไปอ่าน
คลิ๊กไปอ่าน การคิดค่าธรรมเนียม Paypal ธนาคารกรุงเทพกับ Paypal  ธนาคารไทยอื่นๆ คลิ๊ก
ลองคำนวณยอดเงินที่ทางผู้รับที่ไทยจะได้รับ   คลิ๊กไปอ่าน

Wednesday, November 27, 2013

แวะมาทักทายจ้ะ

หายไปนานเลย ช่วงนี้ขี้เกียจน่ะ

ไม่อยากทำไร ดูแต่ทีวีเล่นเนทไร้สาระไปเรื่อย

กิจกรรมประจำคือแต่งภาพเล่น


กว่าจะได้แต่ละภาพใช้เวลาเป็นชม.
มีตัวอย่างมาให้ดูเป็นน้ำจิ้ม คิๆ



แวะมาทักแค่นี้แหละ





Friday, November 15, 2013

ประกาศ ขอพักชั่วคราวนะจ้ะ

อ่านหนังสือเล่มหนึ่งบอกว่า
Social network ให้เรารับรู้เรื่องราวคนอื่นมากไป 
โดยเฉพาะ FB
ทำให้เราได้มีโอกาสรับรู้ ทั้งเรื่องส่วนตัว ทั้งเรื่องการเมือง
ทั้งเรื่องปัญหาสาระพัด
ทั้งเรื่องไม่พอใจต่อว่ากัน 


บางเรื่องถ้าไม่รับรู้ชีวิตอาจจะสงบขึ้น

จริงแฮะ
เดี๋ยวนี้ ความสุขที่เอามาแบ่งปันกันน้อยลง
ผู้คนมีความสุขกันน้อยลงหรืออย่างไร

ไม่ต้องการคำตอบหรอกนะ พึมพำเฉยๆ

ขอพักกิจกรรมFBคราวนะจ้ะ

ขออภัยด้วยหากใครต้องการติดต่อแล้วติดต่อไม่ได้

ถ้าเป็นแฟนคลับเรา  ติดตามเรามา
คงรู้นะว่าช่องทางการติดต่อเรา ติดต่อได้ทางไหนบ้าง

ยังติดต่อได้เหมือนเดิม
เพียงแต่ลดช่องทางติดต่อไป 1 ทาง

ขออภัยในความไม่สะดวกนะจ้ะ


Have a nice day
Take care .......






Saturday, November 2, 2013

หอบหิ้วหนังสือมาอีกแระ

ทุกครั้งที่ไปไทยจะหอบหนังสือกลับมาเยอะมาก
รอบนี้น้อยสุดเพราะมีเวลาเลือกไม่เยอะ

ทุกทีมีแต่หนังสือตัวเอง

รอบนี้มีน้องที่รู้จักฝากซื้อ พอส่งไปให้ ปรากฎว่าหาย ณไปรษณีย์ที่ไปถึง

ตั้ง3เล่มที่ส่งไปพร้อมกัน

เสียดายอุตส่าห์หอบข้ามฟ้ามา

ส่งแบบมีประกันด้วย

แต่ไม่อยากได้เงินประกันหรอก ได้มาก็เทียบกับค่าหนังสือที่หายไปไม่ได้

หนังสือเล่มละร้อยกว่าบาท แต่อาจเปลี่ยนชีวิตคนทั้งชีวิต


ว่าแล้วก็นั่งเสียดาย

ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ส่งของทางไปรษณีย์ที่นี่แล้วหาย 

เสียดาย


กว่าจะได้ใหม่ต้องรอส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาอีกรอบ
 
หรือว่าจะนั่งเครื่องบินไปเอามาใหม่เองดีคิๆ


เฮ้อ..... มันหายไปตรงไหนน๊า


คนได้ไปจะอ่านออกเหรอ

ไม่เข้าใจจริงๆ





Sunday, October 27, 2013

C box

วันนี้ เอา กล่องข้อความC box ออกนะจ้ะ
กลัวฝรั่งพาไวรัสมาน่ะ
 
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านและฝากข้อความไว้
 
อยากให้เล่าเรื่องอะไรเขียนในคอมเม้นท์ได้เลยน๊า
 
 
ช่วงนี้ว่างมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 
ไปจนถึง สิ้นเดือนหน้านู่นล่ะ
 
Have a nice day.


I-864

เอกสารชุดของ Sponsor หรือเอกสารชุด I-864 นี้ เรียก Affidavit of Support หรือ I-864 AOS Package

Purpose of Form :To show that the applying immigrant has enough financial support to live without concern of becoming reliant on U.S. government welfare.

ก่อนจะเลือกใช้แบบฟอร์มไหน ศึกษาในนี้นะ

Preparing Affidavit of Support Forms http://travel.state.gov/pdf/AOC_procedures.pdf

เอกสารที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง


I-864http://www.uscis.gov/files/form/I-864.pdf
ถ้าเป็นไปได้ แบบฟอร์มนี้ควรพิมพ์จากคอม และ ใช้ตัวอักษรตัวใหญ่
แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร
ใช้หมึกดำกรอกด้วยลายมือตัวเอง
Image

ดูขั้นตอน ทั้งหมดในนี้
http://www.visajourney.com/wiki/index.php/LingChe_NVC_ShortCut


Tax return : ขอTax return transcriptได้จาก IRS โทรไปขอได้ ฟรีย้อนหลัง 3ปี http://www.irs.gov/newsroom/article/0,,id=105370,00.html

W2 ใบนี้ได้มาจากที่ทำงาน  : ถ้าทำงานมีนายจ้าง ใบนี้ นายจ้างจะให้มาทุกปี
เพื่อเอาไปแสดงตอนเสียภาษี ว่าทำงานได้รายได้เท่าไหร่ต่อปี หักภาษีจากที่ทำงานไว้แล้วเท่าไหร่

Employment letter http://www.visajourney.com/wiki/index.php/Employment_Letter

Bank statement (ไม่จำเป็น )

Cover letter (ไม่จำเป็น ) http://www.visajourney.com/wiki/index.php/I-864_Cover_letter

เอกสารทั้งหมดในชุดนี้ ไม่ต้อง Notary  (ใช้สำเนาได้)
ถ้าใช้ Joint sponsor แยกเอกสาร Joint sponsor ตามด้านบนนี้อีก 1ชุด
ส่งไปพร้อม เอกสาร ของ Sponsor หลัก
Joint sponsor ต้องแสดง ความเป็น US Citizen หรือ Permanent Resident status ด้วย

ทั้งหมดนี้จะส่งได้เมื่อ จ่าย Fee $88 และได้ Barcode online
ค่าธรรมเนียมอาจเปลี่ยนแปลง 
ค่าธรรมเนียมที่เราต้องจ่ายจะบอกมาในใบแจ้งให้จ่ายเงิน  ไม่ต้องกลัวจ่ายผิด จ่ายไม่ครบ

เตรียมเอกสารข้างบนทั้งหมดเสร็จ อย่าลืม แนบ Barcode ไปด้วยนะ 

หน้าตาใบBarcode นี้ ในปี 2009
(แต่ละปีหน้าตากระดาษนี้มีการเปลี่ยนแปลงข้อความจ้ะ )

Image
อีกหนึ่งคำถามที่เจอเรื่อยๆ
ถ้าSponsorหลัก ไม่จำเป็น ต้องยื่นเรื่องเสียภาษีอาจจากไม่มีรายได้เลย หรือรายได้ไม่ถึง
จะต้องทำอย่างไร
ไปอ่านเจอมาว่า กรณีที่Sponsor หลัก ไม่ต้องยื่นเรื่องเสียภาษี ไม่มีTax returnมาแนบ กับ I-864
ให้เขียนจดหมายอธิบายไป ชี้แจงเหตุผล และแนบสำเนาจากIRSที่ชี้แจงว่าเราอยู่ในกลุ่มที่ไม่ต้องทำเรื่องเสียภาษี (แต่ต้องกรอกแบบฟอร์มI-864)http://travel.state.gov/visa/immigrants/info/info_3183.html


และหา Joint sponsor ใช้เอกสาร Joint sponsor ตามปกติ

แต่กรณีที่จำเป็นต้องเสียภาษี และไม่ได้เสียมาหลายปีแล้ว
ถ้าจะเป็น Sponsor ทำเรื่องรับรองให้คนที่ขอวีซ่าถาวร ต้องทำเรื่องเสียภาษีย้อนหลัง ข้อมูลหาเพิ่มจาก web IRS ด้านบน

Before Mailing I-864 to the NVC

Image
http://travel.state.gov/pdf/AOC_procedures.pdf

คำแนะนำในขั้นตอนนี้

Information about Affidavit of Support http://travel.state.gov/visa/immigrants/info/info_3730.html

Affidavit of Support Instructions http://travel.state.gov/visa/immigrants/info/info_3197.html

Affidavit of Support, Form I-864, Checklist http://travel.state.gov/visa/immigrants/info/info_3200.html

Joint Sponsor’s Documents Checklist (if applicable)http://travel.state.gov/visa/immigrants/info/info_3202.html

คำถามI-864 Affidavit of Support (FAQs) http://travel.state.gov/visa/immigrants/info/info_3178.html

Subject - Verb Agreement

จำไม่ได้ ว่าเอามาลงยัง

อันนี้คือการบ้านตอนไปเรียน  ESL

มีประโยคมา ต้องรู้ว่าแต่ละคำ  ทำหน้าที่อะไรในประโยค 

อันไหนเป็น subject หลักของประโยค อันไหนเป็น verb
และ verb ต้องเป็นไปตาม subject      และ subject  เป็นเอกพจน์ หรือพหูพจน์

ดูเหมือนเรียนพื้นฐานมากแต่จริๆง จำได้ไม่หมดนะ 
ใน subject ที่ดูเหมือนคลุมเครือ จะเป็นเอกพจน์หรือ พหูพจน์ดี
verb ที่ตามมา เติม s หรือไม่เติมดี   เรายังมีใช้ผิดอยู่ จำได้ไม่หมด

เนื้อหาที่เรียนในเรื่องนี้ คือ  Subject - Verb Agreement

http://www.grammarbook.com/grammar/subjectverbagree.asp

ถ้าเราทำได้คล่องจะช่วยในการสร้างประโยคถูก

เอาไปใช้ในการสอบ GED ด้วยนะ 

เปอร์เซ็นต์ เศษส่วน ก่อนนี้เราไม่เคยรู้ ไม่เคยสนใจว่าต้องใช้ไง

ตัวอย่างนี้คือประโยคที่ถูกต้อง

Fifty percent of the pie has disappeared. จำนวนเปอร์เซ็นต์ของพายหนึ่งชิ้นเป็นเอกพจน์

Fifty percent of the pies have disappeared. แต่ถ้า จำนวนเปอร์เซ็นต์ของพายหลายชิ้นเป็นพหูพจน์


One-third of the city is unemployed. city คือ ประธานประโยค เศษส่วนของเมืองเดียวเป็นเอกพจน

One-third of the people are unemployed. people คือ ประธาน เศษส่วนของ คนหลายคนเป็นพหูพจน์

โอ๊ย จำยากอ่ะ ใช้ไม่ถูกหรอก ไม่ได้ใช้ด้วยแหละ



Friday, October 25, 2013

DS260

ขอแปะไว้ก่อนนะ

Please correct all areas in error as indicated below. Once you have finished, click ‘Save’ or ‘Next’ to continue completing your online application form.
  • Street Address (Line 1) is invalid. Only the following characters are valid for this field: A-Z, 0-9, #, $, *, %, &, (;), !, @, ^, ?, >, <, parens (), period (.), apostrophe ('), comma (,), hyphen (-), and space.
  • City has not been completed.
  • State/Province has not been completed.
  • Postal Zone/ZIP Code has not been completed.
  • Country/Region has not been completed.
  • From Date is invalid. Month and Year are required.
  • The question: Have you lived anywhere other than this address since...?
  • Primary Phone Number has not been completed.
  • Secondary Phone Number has not been completed.
  • Work Phone Number has not been completed.
  • Email Address has not been completed.

Thursday, October 24, 2013

ไม่มีรายได้แต่อยากมีเครดิตสกอร์

วันนี้ไปให้ความเห็นคำถามเรื่องการสร้างเครดิตเครดิตสกอร์ในขณะที่ยังไม่มีรายได้

คัดลอกมาวางที่นี่ด้วย

เผื่อเป็นแนวทางให้กับเพื่อนๆที่สนใจ
ทำบัตรเครดิต โดยให้สามีมาเซ็นชื่อร่วมเนื่องจากเรายังไม่มีรายได้

 ไม่มีประวัติเครดิตสกอร์เลย  
คือเหมือนทำร่วมกัน อาศัยเครดิตเค้ามาพ่วงทำบัตรเครดิตเรา 
โดยมีเราเป็นชื่อเจ้าของบัตรหลัก 
พอสะสมเครดิตสกอร์ไปซักระยะสามารถเอาชื่อแฟนออกได้ 
แตเราไม่เอาออกเอาเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐานความสัมพันธ์ตอนกรีนการ์ด10ปีและสมัครUS Citizen
 ปัจจุบันยังไม่เอาชื่อสามีออกเพราะไม่มีผลอะไรต่างจากตอนนี้ 
ทุกวันนี้ไม่มีรายได้เหมือนเดิม เอาเงินจากสามีมาจ่ายบิลอยู่แล้ว 
ประวัติเครดิตสกอร์เค้าไม่เคยเสีย ดีกว่าเราด้วย จะมีชื่อเค้าหรือไม่มีไม่แตกต่างอะไร 
เค้ามีบัตรเครดิตของเค้าต่างหาก ไม่ได้ใช้บัตรร่วมกับเรา 
แตกต่างจากแฟนทำบัตรเสริมให้ ตรงที่อันนี้เราเป็นเจ้าของบัตรหลัก แฟนน่ะมาร่วม  
จะได้บัตรเครดิตมา2ใบหมายเลขเดียวกัน ชื่อเรากับแฟน แต่แฟนไม่เคยใช้
เราใช้ของเราคนเดียว วงเงินเริ่มจากนิดๆ ค่อยๆขอเพิ่มตามระยะเวลา 
ตัวแฟนใช้บัตรเครดิตเดิมของเค้าที่มียอดวงเงินเยอะกว่าบัตรเรา 
ดรเลยเหมือนเป็นเจ้าของบัตรคนเดียว บริหารจัดการเรื่องการใช้จ่ายเอง 
แต่มีชื่อเค้ามาพ่วงในสัญญาที่ทำบัตรเพื่อคำ้ประกัน ประคองเราไปเรื่อยๆ
 ถ้าใครอยากอิสระ พอสร้างเครดิตสกอร์ไปซักระยะก็ขอเอาชื่อแฟนออก 
แต่การมีบัตรเครดิตชื่อร่วมกับแฟนซักใบนี่ดีนะ
 เอาไว้ใช้เป็นหลักฐานตอนทำกรีนการ์ด10ปีและตอนสมัครUS Citizenในอนาคตได้
พอเราต้องการซื้อรถ ก็ซื้อชื่อร่วมกับแฟน (เอาไปเป็นหลักฐานความสำพันธ์กรีนการ์ด10ปีได้ด้วย ) 
รักษาเครดิตให้ดี เราก็จะสร้างเครดิตเครดิตสกอร์เราไปเรื่อยๆ 
ทีนี้ก็จะมีบัตรเครดิตสาระพัดบริษัทส่งมาที่บ้านนำเสนอให้เราสมัคร เยอะมากกก 
แต่เรายังไม่มีรายได้ ยังต้องพึ่งเงินแฟนจ่ายบิลอยู่
 คิดว่าไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตใบที่สองเลยยังไม่เคยสมัครเพิ่ม
ไม่รู้เหมือนกันถ้าสมัครไปจะอนุมัติง่ายไม๊ ยังใช้ใบเดียวที่มีชื่อแฟนเซ็นชื่อร่วม

อย่าลืมนึกถึงตอนยื่นกรีนการ์ด10ปีด้วยนะ สำคัญมาก 
ถ้ามีบัตรเครดิตร่วมไว้เป็นหลักฐานความสัมพันธ์ซักอย่างไว้ก็ดีนะ
ถึงเวลาส่งเอกสารจะได้ไม่ปวดหัวจากไม่มีเอกสารอะไรเตรียมไว้เลย


ได้มีบัตรเครดิตได้เอกสารความสัมพันธ์ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นก2ตัวแน่ะ :)
ปล.หมายเหตุพอมีบัตรเครดิตแล้วศึกษาเรื่องการดูแลเครดิตสกอร์ด้วยนะจ้ะ. 
ถ้าแล้วรูดปื้ดๆๆ อย่างเดียวนกที่ได้อาจตกมาตายเหม็นเน่ามียาพิษในตัวน๊าาาา

Wednesday, October 23, 2013

หนังสือคู่มือGED

รีวิวหนังสือGEDที่ซื้อมา

ทุกเล่มก็มีเนื้อหาดีแหละนะ ถ้าอ่านและจำได้หมดจะดีมากๆ
แต่ว่า เราก็มีเล่มที่ชอบ เล่มที่เฉยๆนะ
ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาเท่าไหร่เพราะทุกเล่มมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์หมดแหละ
แต่ที่ชอบบางเล่มคือชอบที่อ่านสบาย หยิบจับถนัดมือ ตัวหนังสือพอดีมากกว่า

ครั้งแรกเลย เรายังไม่คิดสอบจริงจังนะ แค่คิดว่าถ้าเราทำได้ก็น่าจะดี
อยากทำเพื่อฝึกภาษาแค่นั้นเองที่ต้องการ
ไปร้านหนังสือมีหนังสือGED ขายเยอะแยะเลย
ลองเอามาดูเล่มหนึ่งละกัน ว่ามันเกี่ยวกับอะไรจะพอไหวรึเปล่า
ตอนเราเลือกเราเปิดๆๆดู คล้ายๆกันหมด จะมีแนะนำเบื้องต้นแล้วก็เนื้อหาตัวอย่างข้อสอบเฉลย
เราเลือกเล่มใหญ่สุดละกัน ท่าทางเล่มใหญ่จะรวมเนื้อหาเยอะดี

เล่มละ$14.99 ถ้าจำไม่ผิด เล่มหนามากกกก ตัวหนังสือดูจะอ่านง่าย
เอามาเปิดคร่าวๆ มี5วิชา ลองอ่านๆไป โอ๊ยต้องแปลแทบทุกตัว 
เลยไปเริ่มที่เลขก่อน เพราะเราถนัดเลข อ่านสรุปและลองทำข้อสอบท้ายเนื้อหาไปทีละนิด

อ่านบ้างขี้เกียจบ้าง อ่านเลขอย่างเดียว ไม่แตะวิชาอื่นเลยเพราะมันยาก สำหรับเรา

แล้วไฟก็มอด ทิ้งไปนานมาก หลายเดือน อาจเป็นปี 

จนมาถึงวันที่ลงเรียน จริงจัง เลยหยิบมาอ่านอีกรอบ
รอบนี้ตั้งใจจะไปสอบแล้วล่ะ

ตอนมาใหม่ๆ บอกตัวเองว่าจะสอบให้ได้ภายในสองปีที่มาอยู่นี่
สองปีผ่านไปยังไม่ได้อะไรเลย เลยตั้งใจจริงจังไปลงเรียนดีกว่า
หลังจากนั้นถึงได้หยิบหนังสือมาอ่านอีก

อ่านแต่เลขเหมือนเดิม
หัดทำข้อสอบไปทุกข้อ 
ยังอยากหัดอีก เพราะเรามีปัญหาอ่านโจทย์ภาษาอังกฤษตีความไม่เข้าใจว่าต้องทำอะไร

เลยไปซื้อคู่มือมาอีกเล่ม เอามาอ่านเฉพาะตัวอย่างข้อสอบน่าจะเกือบทุกข้อนะ

ยังไม่สะใจ คือยังไม่มั่นใจ อยากเจอตัวอย่างคำถามเยอะๆ
จะได้ชินกับการตีความคำถาม เพราะโจทย์ศัพท์ภาษาอังกฤษเราอ่านแล้วยังตีความมีปัญหา
พอตีความไม่ถูกเราก็จะแปลคำถามผิดเลือกเอาสูตรมาใช้ผิด(ในวิชาเลข)
เลยไปซื้ออีกเล่ม เป็นรวม GED 5 วิชา

แต่อ่านแต่เลขอย่างเดียวเหมือนเดิม
ตั้งใจว่าเรารู้สึกถนัดเลขขอทำคะแนนวิชาเลขดีสุดไว้ละกัน
เอาไว้ช่วยวิชาอื่นที่อ่านแล้วมึนตึ้บ
คราวนี้เลือกซื้อเล่มเล็กลง เพราะกะว่าจะได้หยิบติดตัวไปอ่านด้วยง่ายๆ
เราชอบไปนั่งเล่นที่สตาร์บัก เอาหนังสือไปอ่านด้วย

แล้วก็ต่อด้วยอีกเล่ม
แต่ละเล่มคล้ายๆกัน แนะนำแนวทาง
สรุปเนื้อหา ตัวอย่างข้อสอบพร้อมคำอธิบาย

สำหรับเราคิดว่าแต่ละเล่มคล้ายกันหมดเลยตามที่เราบอก
แต่เล่มไหนดี เราเลือกจากขนาด เหมาะมือ เปิดง่าย 
การจัดตัวหนังสือสวยงาม เปิดเข้าไปอ่านรู้สึกตัวหนังสือสบายตาเราก็เอาเล่มนั้นแหละ

แต่ละเล่มก็จะรวบรวมตัวอย่างข้อสอบไม่ซ้ำกัน
ทุกข้อเป็นแนวทางในการทำข้อสอบได้ทั้งนั้น

ยิ่งอ่านหลายเล่มก็จะยิ่งเจอตัวอย่างเยอะ
โอกาสทำคะแนนก็เยอะขึ้นเพราะเราเห็นตัวอย่างมาว่าถามแบบนี้ตอบยังไง
เพราะคำถามไม่ใช่ภาษาบ้านเรา
อ่านตัวอย่างมามากคุ้นมากก็จะทำได้มากขึ้น

เราไปดูหนังสือที่ร้าน Barn & Neble ที่เดียวตลอด
ถ้าเลือกซื้อจากอะเมซอนหรือร้านหนังสืออนไลน์อาจถูกกว่า

เล่มที่ซื้อราคาประมาณ14-20 ซื้อทีละเล่ม 
ก็เลยดูไม่เยอะอะไรมาก และเสียเงินเพื่อความรู้เลยไม่เสียดาย

รวมกันก็ดูหลายตังค์  
แต่ถ้าไม่ลงทุนซื้อหนังสือ เราก็ไม่มั่นใจที่จะไปสอบน่ะ

ถ้าสอบไม่ผ่านต้องสอบใหม่ วิชาละ 30$ 

เราขอจ่ายค่าหนังสือเพิ่มแล้วไปสอบอย่างมั่นใจดีกว่า
เพราะทุกครั้งที่อ่านเราได้ทบทวนภาษาอังกฤษไปด้วย
เราได้ประโยชน์จากเงินที่เสียไปน่ะ 

และใบประกาศที่ได้มามีค่ามากเลย
แม้จะไม่ได้เอาไปใช้อะไรแต่มันก็มีค่าทางใจมาก
เป็นสิ่งรับรองความพยายามของเรา

ตัวเราภูมิใจถึงแม้ไม่ได้ใช้

พ่อแม่ก็ภูมิใจเพราะไม่รู้ว่าอะไรมาก ^^
รู้แต่ว่าลูกได้ใบประกาศมา ยิ้มหน้าบานภูมิใจกับลูกตัวเอง


ความสำเร็จชิ้นเล็กๆ ที่คนอเมริกันบางคนยังอาจทำไม่ได้นะ ทำไมจะไม่ภูมิใจล่ะ

หนังสือที่เราซื้อมาอ่าน
บางเล่มอ่านเกือบทุกหน้า
บางเล่มอ่านแต่ตัวอย่างข้อสอบ 
เล่มแรกนี่แทบไม่ได้อ่านเลย ลืมว่ามีเล่มนี้น่ะ
ไม่ได้หยิบมาดูเลยมั้ง



เล่มนี้ลืมไปเลยว่าซื้อมาอ่าน น่าจะไม่ได้อ่านเลยมั้ง ^^ หนังสือแนะนำเกี่ยวกับการเขียน การสร้างประโยค




เล่มนี้ตั้งใจซื้อมาอ่านว่าGEDเป็นไงเล่มแรก
ตอนนั้นยังไม่คิดสอบจริงจัง กะเอามาดูก่อนว่าจะไหวไม๊
อ่านแล้วทิ้งไปนานมาก แล้วกลับมาอ่านใหม่
เนื้อหาครอบคลุมดี ตัวหนังสืออ่านง่าย แต่ เล่มใหญ่มากพกติดตัวไม่สะดวก
เป็นเล่มที่เราอ่านทำแบบฝึกหัด น่าจะหมดเล่ม เพราะเปิดไปมีรอยโน้ตรอยทำข้อสอบมีร่องรอบเกือบทุกหน้า
ภูมิใจมาก ตอนเรียนที่ไทยไม่เคยอ่านหนังสือจริงจังแบบนี้เลย
เล่มนี้ที่เราอ่านบ่อยเพราะถ้าอ่านอยู่บ้านมันหยิบจับอ่านสะดวก เล่มใหญ่ตัวหนังสือชัด






เล่มนี้ซื้อมาเพราะอยากหัดข้อสอบหลากหลาย กะจะจำข้อสอบเอา
เพื่อเจอคำถามคล้ายเดิมจะจำคำตอบตอบเลยเลยเพราะอ่านแล้วทำความเข้าใจแล้วจำทำยากจัง





ลองทำข้อสอบในหนังสือที่มี จับเวลา ยังไม่ผ่าน เลยไปซื้อเล่มใหม่มาอ่านข้อสอบและจำเพิ่ม
ทำความคุ้นเคยกับข้อสอบเพิ่ม 
เลือกเบ่มนี้เพราะค่อนข้างเล็กสุดในที่มีให้เลือก (แต่ไม่เล็กมากนะและหนา)
ตั้งใจจะพกติดตัวไปอ่านที่ร้านกาแฟ
ตัวหนังสือเล็กตามหนังสือ ไม่ค่อยชอบ







เล่มนี้เป็นวิชาสังคม
เอามาท่องคำถามคำตอบ
เพราะจำเรื่องราวประวัติศาสตร์ทั้งหมดไม่ไหว
ขี้เกียจด้วยแหละ
จำคำถามคำตอบเลยละกัน
(ในหนังสือรวมจะมีตัวอย่างข้อสอบแต่ไม่มากพอที่จะทำให้เราสอบผ่านได้เพราะเราขี้เกียจจำเนื้อหาไงเลยมาเน้นจำข้อสอบเลยต้องหาข้อสอบอ่านเยอะๆเอา)

ทุกเล่มประมาณเล่มละ15-19$






เรียงให้ดูขนาด
เราอ่านเล่มกลางมากสุด
เพราะเล่มใหญ่ตัวหนังสืออ่านง่าย
เนื้อหาสบายๆบอกไม่ถูก
อ่านแล้วชอบน่ะ
เพราะในแต่ละวิชาจะมีเนื้อเรื่องให้อ่าน
บางเล่มก็ยากไป พอยากไปมันก็ทำให้เราเบื่อไม่อยากอ่านต่อน่ะ

ถ้าได้หนังสือมาอ่านคำแนะนำบทแรกๆด้วยนะ
จะมีแนะนำเรื่องการเตรียมตัว การจัดตาราง การเตรียมตัวสอบ เทคนิคต่างๆ

ดีมากๆ เอามาใช้ในวันสิบจริงได้หมดเลย

เอาใจช่วยทุกคนที่กำลังสนใจอยากได้GEDมาครองนะ
เคล็ดลับก็คือ ตั้งใจ พยายาม อ่านตัวอย่างข้อสอบให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
ตัวอย่างในอินเตอร์เนทก็มี แต่เราไม่ชอบ รู้สึกว่าอ่านไม่ถนัดเท่าอ่านในหนังสือ

ถ้าสอบไม่ผ่านรอบแรกอย่าพึ่งท้อ
คนอเมริกันเองก็ไม่ใช่ว่าจะผ่านง่ายๆ 
หลายๆคนสอบรอบแรกไม่ผ่าน  
ถ้ามันง่าย คนที่ไม่ได้เรียน high school คงไปสอบเอาวุฒิกันเกือบทถกคนแล้วล่ะ
แต่จริงๆมันไม่ถึงกับง่าย มันต้องใช้ความพยายามพอควร  โดยเฉพาะเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิดก็ต้องพยามยามมากหน่อย

อ๊อ Writing ต้องใช้การฝึกฝนและมีความรู้เรื่องการเขียนเรียงความ
การประกอบประโยคที่ถูกต้อง
ใครที่คิดว่าตัวเองอ่อนเรื่องนี้ แนะนำว่าไปลงเรียนซักคอร์สจะได้หลักการเขียนดีๆมาใช้
ทั้งใช้ตอนสอบและใช้กับประโยคทั่วไปในชีวิตประจำวัน
เราจะสร้างประโยคถูกมากขึ้น

สอบWriting ต้องเขียนเรื่องราว1เรื่องตามหัวข้อที่ให้มา
ไม่มีchoiceมาให้เดานะจ้ะ 

ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ และไม่ผ่านGEDน่ะ แม้วิชาอื่นจะทำคะแนนได้มากแค่ไหนก็ตาม 
ต้องมีคะแนนผ่านทุกวีซ่าถึงจะได้ใบประกาศจ้ะ

ขอให้ประสบความสำเร็จทุกคนนะ
สู้ๆ
ใครอยากให้เขียนเรื่องอะไร คอมเม้นท์ที่ด้านล่างได้นะจ้ะ
ถึงไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่ แต่ได้รับทุกข้อความ อ่านทุกข้อความ

ยินดีเอาประสบการณ์มาบอกต่อ
ดีใจมากๆถ้าประสบการณ์เราจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วย

Have a nice day ja.
 
อ่านเรื่อง  อื่นๆ ที่เขียนไปแล้ว    คลิ๊กไปอ่าน

Saturday, October 19, 2013

Thursday, October 10, 2013

ประสบการณ์การเดินทางกลับไทยด้วย สองพาสปอร์ต

เราเดินทาง ครั้งล่าสุด ใช้ พาสปอร์ตอเมริกัน ใสสะอาด เล่มใหม่
และ มาทำพาสปอร์ตไทยเล่มใหม่ ใสสะอาด เหมือนกัน ไม่มีปัญหาตลอดการเดินทางไปกลับนะ
ใช้พาสปอร์ตไทย ที่ไทย คือ ที่ ตม.ไทย ขาเข้าและออก และ ตอนเช็คอินที่สายการบินที่ไทย

นอกนั้น คือตอนเช็คอินที่อเมริกา และ ระหว่างต่อเครื่องที่ต่างประเทศ   ยื่นพาสปอร์ตอเมริกา

( บางคน ซื้อตั๋วไปกลับมาอยู่ไทยนาน อาจเจอ คำถามตอนเช็คอินที่อเมริกาว่า เข้าไทยด้วยวีซ่าอะไรก็ตอบไปว่ามี พาสปอร์ตไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องถือ2 พาสปอร์ต จนท.แค่ถามเพื่อคัดกรอง การเข้าประเทศไทยขั้นต้น ไม่ได้ ตรวจจับการครอบครอง 2 พาสปอร์ตจ้ะ )
บางคนอาจใช้พาสปอร์ตไทยเช็คอินที่อเมริกา จะได้ไม่ต้องตอบคำถามนี้ แต่พาสปอร์ตไทยเราจะหมดอายุในไม่ถึง 6 เดือน  เราเลยเลือกหยิบพาสปอร์ตอเมริกันมาใช้ ตอนเช็คอินและระหว่างต่อเครื่องต่างประเทศ


ตอนเช็คอินที่ ไทย ขาออก ถ้าไม่อยากเจอคำถามว่า เข้าอเมริกาด้วยวีซ่าอะไร และไม่อยากบอกว่า เรามี2 พาสปอร์ต ก็ ใช้พาสปอร์ตอเมริกันเช็คอินก็ได้ จะได้ไม่ต้องตอบคำถามนี้ แต่เราเลือกใช้พาสปอร์ตไทย เพราะอยากได้ใบขาออกขาเข้าตอนเช็คอิน
จนท.ก็ถามขั้นกรองการเข้าประเทศอเมริกาว่า เข้าอเมริกามีด้วยวีซ่าอะไร เราตอบไปว่า มีพาสปอร์ตอเมริกัน จนท.ขอดูก็ยื่นให้ดู ดูเสร็จ จนท.ก็ให้คืนไม่ได้มีปัญหาอะไร

ที่ ตม.ไทย จุด ตรวจพาสปอร์ต  เราเลือกที่จะ เข้าช่องอัตโนมัติ ทั้งขาเข้าขาออก
 อาจไม่มีคนใช้บริการเลย ทุกครั้งจะเห็นมีคนไปต่อแถวเคาเตอร์ที่มีจนท.นั่งตรวจพาสปอร์ตยาวมากเยอะมาก ไม่รู้ทำไมไม่ตรวจกับเครื่องอัตโนมัติ
เราเดินไปที่เครื่องอัตโนมัติที่ในตอนนั้นอาจไม่มีคนใช้บริการได้เลย  ไปถึงจะมีจนท. ยืนคอยช่วยทำให้ หรือทำเองเลยก็ได้ ทำตามหน้าจอบอก  ง่ายมากๆ


ที่ตม.อเมริกาก็ใช้พาสปอร์ตอเมริกัน  ไม่เจอถูกถามทำไมพาสปอร์ตว่างเปล่า ไม่มีระบุว่าไปพักที่ไหนมา หลายๆคนกังวลตรงนี้ จนท.ไม่เห็นถามอะไรเรื่องนี้เลยนะ


หลายๆคน กังวลเรื่องการใช้ 2 พาสปอร์ต หาข้อมูลใน google ดูก่อนใช้ละกัน


ในกรณีใช้2 พาสปอร์ต บางคนไม่สบายใจ ในทางปฎิบัติถ้าจนท.ทราบว่าเรามีสองพาสปอร์ต เราจะถูกยกเลิกสัญชาติไทยหรือเปล่า
จากที่หาข้อมูลมา จนท.ใช้คำว่า อะลุ้มอล่วยให้ใช้ได้    แต่เราต้องยื่นใช้ให้ถูกต้องเพื่อความสะดวกของทั้งตัวเราและจนท.

โดย ณ จุดตรวจเลือกใช้สัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง ยื่นพาสปอร์ตที่ต้องการใช้ (และเล่มเดียวกัน ณ จุดตรวจในขาเข้าและขาออก)

บางคนออกความเห็นไว้ว่า  คนใช้สองพาสปอร์ตเพราะอยากเบ่งอวดว่ามีสองพาสปอร์ต
สำหรับไม่เคยมีความคิดนี้ในสมองน้อยๆ ของเราเลย

เราเลือกใช้ 2 พาสปอร์ต ไม่ใช้ พาสปอร์ตอเมริกันเล่มเดียวเดินทาง ทั้งที่ อยู่ไทยไม่ถึง 30 วัน เพราะ เราคิดว่าเรายังเป็นคนไทย  ไม่ได้สละสัญชาติไทย เมื่อคนไทยจะเข้าไทยก็ต้องแสดงพาสปอร์ตไทยสิ  (หน้าตาก็ไทยมากด้วย ไม่อยากแสดงพาสปอร์ตอเมริกันน่ะ  ไม่เข้ากับหน้าตา )
พาสปอร์ตอเมริกันก็เอาไว้แสดง ตอนเข้าอเมริกาเพื่อให้มาอาศัยอยู่อเมริกาได้
เลือกใช้ให้ถูกก็จะไม่เกิดปัญหาจ้ะ

ประเด็นสำคัญที่จะเลี่ยงปัญหาการเดินทางด้วย 2พาสปอร์ตเข้าไทย  
คือ ที่ตม.ไทยขาเข้า ยื่นพาสปอร์ตอะไร ตอนออกจากตม.ไทย ยื่นอันเดิม อย่าสลับเล่มพาสปอร์ตที่ตม.ไทยในขาเข้ากับขาออก อย่างเด็ดขาดด้วยนะ

ข้อมูลจาก เอกชน http://rujirat.com/2009/06/11/%E0%B8%AA ... %E0%B8%B4/

ขอบคุณคุณ ทนายรุจีรัตน์  นะคะ แนะนำเรื่องดีๆไว้เยอะเลย

Monday, October 7, 2013

ประสบการณ์ต่อเครื่องที่ปักกิ่ง


 8 ชม.ที่สนามบินปักกิ่ง เดินไปเดินมาสำรวจสถานที่



หลังจากเดินทางไปไทยแวะมาต่อเครื่องที่นี่ครั้งหนึ่งรู้ละว่าอย่าเชื่อป้าย อาจไม่ใช่ตามนั้นก็ได้
ถ้าจะต่อเครื่องระหว่างประเทศอย่าไปตามป้าย international connecting flight ให้ไปตามป้าย domestic ...จ้ะ
 
และช่องทีี่จะเข้าไปเริ่มขั้นตอนต่อเครื่องใหม่จะเขียนย่อตัวเล็กๆว่า Int'l มองให้เห็นนะ  (ในรูปมีตัวน้อยๆเห็นเปล่า)
ถ้าจะถามใครก็พิจารณาเองว่าจะถามดีไม๊ เชื่อได้ไม๊
เพราะรอบขาไปไทย จากที่ถามมาบอกผิดหลายคนอ่ะ
เดินไปผิดอาคารต้องลากกระเป๋าไปไกลมาแล้วก็ต้องมาที่เดิม
รึว่าอาจผิดที่เราสื่อสารให้เค้าเข้าใจผิดมั้ง

ตรวจSecurityที่จีนเข้มมาก เหล้าขวดใหญ่ๆใส่กระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้เครื่องก็ไม่ได้
เห็นถูกยึดไปสองคน  แถวยาวมาก เพราะตรวจแล้วมีปัญหาต้องเปิดกระเป๋าเช็คหลายคนมาก
ใช้เวลาตรวจแต่ละคนนานมาก ผู้โดยสารที่ต่อแถวรอ หน้าตาแต่ละคนมีแต่เซ็งจิตทั้งนั้นเพราะรอนานมาก
กระเป๋าถือก็ตรวจเข้มมาก ตรวจกระเป๋าเรา scanมากกว่า5ครั้ง
ต้องเอาของออกมาแทบทุกชิ้น (ของในกระเป๋าสะพายที่ใส่กระเป๋าตังค์สมบัติติดตัวน่ะ ต้องเอาสมบัติออกมาหมดเลย ไม่รู้สงสัยอะไร)
กลัวแต่จะเอาใส่คืนไม่ครบน่ะ จนท.หยิบเข้าหยิบออก ดูแล้วดูอีก  หลายรอบมาก

ไม่มีที่อาบน้ำฟรีเหมือนที่สนามบินอินชอน เกาหลี
ถ้าจะอาบต้องไปใช้บริการ แบบคิดเป็นชม.
กาแฟสตาร์บักแก้วละประมาณ 8$ OMG!
แพงเพราะอะไรอ่ะ KFC 1 ชุดถูกกว่ากาแฟ 1แก้วอีก งงเลย

ไม่รับเงินดอลล่าห์ ต้องแลกเป็นเงินจีนเท่านั้น
(ที่ ญี่ปุ่น เกาหลี ไทเป รับเงินดอลล่าห์ แต่อาจไม่มีดอลล่าห์ทอน อาจทอนเป็นเงินของประเทศนั้น  เตรียมแบ็งค์ย่อยไปละกัน)
ทุกคนที่ มาต่อเครื่องที่จีน ต้องออกมาด้านนอกทุกคนก่อน (ไม่อยู่ในบริเวณด้านในแล้วไปTransfer เลย)
เพราะฉะนั้น จะต้องผ่าน Immigration ที่ตรวจคนเข้าเมืองที่เดียวกันทุกคน
ไม่ว่าแค่มาต่อเครื่อง หรือ สิ้นสุดที่จีน
(เวลาเดินตามป้ายเลยไม่ใช่ไป ตามป้าย International connecting flight ) 
และ การที่ ต้องไปผ่านการตรวจที่ ตม.จีน เหมือนคนที่จะเข้าพักที่จีน เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องเขียนใบเข้าประเทศหมด 
(ที่ ญี่ปุ่น เกาหลี ไทเป ถ้าต่อเครื่องเฉยๆ ไม่ต้องเขียนใบเข้าประเทศ )
ฝรั่ง งง  ทำไมต้องเขียน เปลืองกระดาษ เดินออก เหมือนจะเข้าเมืองอีกนิดเดียวก็ต้องเดินกลับเข้ามา(แต่คนละที่)
 
พอออกจากตรงนี้ เสร็จ ต้องไปหา เคาเตอรฺที่จะเข้าไปเช็คอินใหม่ 
เหมือนผู้โดยสารที่เริ่มต้นมาจากบ้าน เข้ามาในสนามบิน ต้องไปเช็คอินตรงไหนไปตามนั้น
(ถ้าจำไม่ผิด ออกมาแล้ว ขึ้นไปอีกชั้น หรือ ลงบันไดเลื่อนไปหนึ่งชั้นนี่แหละ คนละชั้นกับที่ออกมา)
และ ถึงแม้มีตั๋วมาแล้ว ก็ต้องออกตั๋วใหม่ ตอนเช็คอิน ทำเหมือนพึ่งมาจากบ้านมาเช็คอินน่ะ แล้วก็เริ่มเข้าขั้นตอน ตรวจเหมือนเข้ามาใหม่ จากด้านนอกเลย  จนท.ฉีกตั๋วเดิมทิ้งอย่างไม่มีค่าเลย  ( หน้าตาตอนฉีกแบบใส่อารมณ์มาก เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน )

เช็คอินเสร็จไปทางไหน ป้ายก็ ไม่มีบอกเลย จะบอก เมื่อไปถึงแล้ว ~_~" 
มีตัวเลข เกทบอก แต่มีไม่ครบ เริ่มต้นที่เลข 50  แล้วเลขก่อนนั้นล่ะ ~_~"
เราเดินไปตามทางที่ไม่มีตัวเลขเกทเรานะ แต่เห็นคนอื่นไปก็ไปตาม 
(ถ้าที่ไทย จะบอกชัดๆ ใช่มะ ว่า เกทอะไรไปทางไหน ซ้ายขวา  ตัวเลขอะไรถึงอะไร   ที่นี่ไม่ใช่จ๊า  เดาเอาว่าน่าจะตรงไปเรื่อยๆ ตามคนอื่น )
 

อนาคตต่อให้ค่าตั๋วถูกแค่ไหนก็คงไม่เลือกมาต่อเครื่องที่จีนแล้วยกเว้นว่าไม่มีเที่ยวบินจริงๆ
สายการบินก็ไม่ดีเลย รถทัวร์
นครชัยแอร์บริการดีกว่าอีกอ่ะ
รถนครชัยแอร์เบาะนวดได้ด้วยสุดยอดเลย

ได้ผ้าห่มที่เพื่อนให้เป็นทีระลึกก่อนกลับ
ห่ม ช่วงไทยไปจีน(เพื่อนให้ เพราะเราเล่าว่า ขามาไม่มีผ้าห่ม) 
บนเครื่องมีแจกแต่ไม่ได้มีให้ทุกที่นั่ง มีไม่กี่ผืน   เดินแจก
คนยกมือขอกันเต็มเครื่องยังกะเด็กด้อยโอกาสแย่งขออาหารแจกฟรี ส่งเสียงล้งเล้งๆ ~_~'
ละก็จะยื่นให้คนจีนที่ส่งเสียงดังๆก่อน  ใครดังกว่าจะได้ไป ไม่ได้รังเกียจคนจีนนะ เล่าตามเหตุการณ์
เดินทางมาตั้งเยอะ ไม่เคยเห็นพนักงานบนเครื่องไม่ยิ้มซักนิดเท่าสายการบินนี้เลย
สงสารเค้านะ ดูทำงานตามหน้าที่ไม่มีความสุขกันเลย

ปุ่มกดที่มีไว้เพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ป้าๆ ก็กดเรียกขอน้ำ  ขอสาระพัด จิปาถะ จนพนักงงานเดินแทบขาขวิด หน้าหงิก 

พนักงานฟังเราถามประโยคง่ายๆ ว่าอาหาร มีอะไรบ้าง ก็ฟังเราไม่ออก ถามหลายรอบมาก ทั้งๆ ที่ประโยคพื้นฐานที่น่าจะได้ยินบ่อย

(ปกติมีสองเมนูให้เลือก ว่าจะเอาอะไร เราอยากรู้ว่ามีตัวเลือกอะไรบ้าง จะเลือกเอาอันที่ไม่ใช่เนื้อ เพราะไม่กินเนื้อ )
เราไม่ได้พูดสำเนียงดีหรอก ยอมรับ แต่ประโยคพื้นฐานแบบนี้ ปกติสื่อสารกับ สายการบินอื่น หรือคนอเมริกันเค้าฟังเข้าใจ
นี่ต้องอธิบาย ตั้งหลายรอบ 
โทษตัวเองละกัน ออกเสียงไม่ดีเอง 
 
ผู้โดยสารก็มีเรื่องคุยกันดีจัง  คุยเสียงยังกะเชียร์กีฬา ~_~'
กดไฟฉุกเฉินเรียกพนักงานบ๊อย บ่อย

ปล.เราไม่ใช่คนเรื่องมากเลยนะ  ทุกทีขึ้นเครื่อง กินแล้วนอนกินแล้วนอนอย่างมีความสุข
ไม่คาดหวังอะไร ขอให้เดินทางไปภุงบ้านปลอดภัยละกัน
มีอะไรมาเสริฟ กินได้ อร่อยหมด  บางทีเจอมีแต่เนื้อ เราก็กินมาม่าถ้วยที่เตรียมไป ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร
ป้าๆ ไม่กดน้ำหลังทำธุระ  ก็กดให้ก็ได้  ~_~"
แต่ครั้งนี้ยอมแพ้จริงๆ ไม่ประทับใจ หลายๆอย่าง
ไม่ชอบตอนต่อเครื่องที่สนามบินนี้ และ ป้ายอย่างแรง   มีป้าย  International connecting flight
แต่ถ้าไปตามนั้นน่ะผิด ต้องไปตาม ต่อเครื่อง domestic แล้วมีป้ายนั้นทำไม
งง ไม่เข้าใจ
 
ฝรั่งเห็นก็งง   เดินผิดตามกันเป็นกลุ่ม
 
สายการบินที่ต้องไปต่อเครื่องที่จีน  ถ้าเลี่ยงได้ขอเลี่ยงไปตลอดชีวิตละกัน 
มิน่า ตั๋วเครื่องบิน ถึงได้ถูกมาก ~_~"
 

ไปไทยมาจ๊า

สวัสดีจ๊า  หายไปพักนึงไปไทยมาจ้ะ
 
ได้มีโอกาสไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทด้วย
เอารูปมาฝากก่อนเลย เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ





 


Saturday, September 7, 2013

เริ่มยื่นใบสมัครอเมริกันซิติเซ่นได้เมื่อไหร่

วันนี้ไปตอบคำถามเรื่องนี้มา
เลยคัดลอกมาวางที่นี่บ้าง
 When can I apply for naturalization?
You may be able to apply for naturalization if you are at least 18
years of age and have been a permanent resident of the United
States:
• For at least 5 years; or
• For at least 3 years during which time you have been, and
continue to be, married to and living in a marriage relationship
with your U.S. citizen husband or wife; or
• Have honorable service in the U.S. military.
Certain spouses of U.S. citizens and/or members of the military may
be able to file for naturalization sooner than noted above.

ไม่แน่ใจว่าในกรณีที่จดทะเบียนก่อน 2 ปี แล้วเพิ่งขอ แล้วได้ กรีนการ์ด 10 ปีมา แต่อยู่กินกันมาสองปี จะตรงตามข้อกำหนดนี้หรือเปล่า

 • For at least 3 years during which time you have been, and continue to be, married to and living in a marriage relationship
with your U.S. citizen husband or wife;
หรือว่าต้องถือกรีนการ์ด 10 ปี ไปจนครบ 3 ปี


คำอธิบาย

ต้องดึงประโยคในย่อหน้าแรกมาร่วมด้วยค่ะ

When can I apply for naturalization?
ข้อแม้แรกที่จะขอสมัคร US Citizen ได้ คือ

You may be able to apply for naturalization if you are at least 18
years of age and have been a permanent resident of the United
States:


ระเบียบ ข้อนี้คือ คุณจะต้องเป็น permanent resident of the United
States คือ อยูู่อเมริกาโดยการมีใบเขียว

แล้วก็อธิบายต่อไปว่า มีใบเขียวนานเท่าไหร่ แยกเป็น2 กรณี

กรณีที่1
For at least 5 years
คำอธิบายนี้คือ อยู่อเมริกาแบบมีใบเขียวอย่างน้อย 5ปี (เป็นคำอธิบายย่อยของประโยคบนว่าต้องเป็น permanent resident มานานแค่ไหน ถึงจะสมัครได้ )

หรือ

กรณีที่ 2
• For at least 3 years during which time you have been
( have been นี้ ย่อประโยค มาจาก ข้างบนค่ะ ที่บอกว่า have been a permanent resident of the United
States ครอบครองใบเขียวมา3 ปี )

and และในเวลาที่ครอบครองใบเขียว 3ปี นี้ มีคุณสมบัติต่อไปนี้ด้วยคือ

continue to be, married to and living in a marriage relationship
with your U.S. citizen husband or wife;

ใช้ชีวิติสมรสกับอเมริกันซิติเซ่นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ดึงประโยคแรกที่บอกว่า ครอบครองใบเขียวมา 3 ปีมาพ่วงด้วยค่ะ เพราะเป็นคำอธิบายของประโยคเดียวกัน
ความหมายเต็มคือ อยู่อเมริกาแบบมีใบเขียวมา 3 ปี และ ในระยะที่ครอบครองใบเขียว 3 ปีนี้ ใช้ชีวิตสมรสกับอเมริกันซิติเซ่นอย่างต่อเนื่อง

คุณสมบัติต้องครบ ทั้ง 2 ข้อแม้พ่วงกันถึงจะสมัครได้ค่ะ

เช่น แต่งงานมา 2ปี แต่พึ่งได้ ใบเขียว 1 มกราคม 2013 วันที่ครบ3 ปีของระเบียบนี้ คือ 1 มกราคม 2016
( วันที่สมัครได้ก็จะครอบครองใบเขียวมา 3 ปี สมรสกับอเมริกันซิติเซ่นมา 5 ปี ค่ะ แต่ถ้านับเวลาเริ่มจากวันที่ ครอบครองใบเขียวและใช้ชีวิตสมรสกับอเมริกันซิติเซ่นด้วยคือ 3 ปี ค่ะ )


หรือ ได้ใบเขียวมา ปี 2012 มาสมรสกับอเมริกันซิติเซ่น 1 มกราคม 2013 จะใช้สิทธิ์นี้ก็ต้องรอแต่งงานให้ ครบ 3 ปี กับการสมรสครั้งนี้ คือ 1 มกราคม 2016
( วันที่สมัครได้ก็จะครอบครองใบเขียวมา4 ปี สมรสกับอเมริกันซิติเซ่นมา 3 ปี แต่ถ้านับเวลาเริ่มจากวันที่ ครอบครองใบเขียวและใช้ชีวิตสมรสกับอเมริกันซิติเซ่นด้วยคือ 3 ปี ค่ะ )

คำตอบของคำถามนี้คือ ต้องรอจนถือกรีนการ์ด ครบ3 ปี ค่ะ
และ จะ ยื่นเอกสารสมัครได้ 90 วัน ก่อนครบ 3 ปี ที่จะมีคุณสมบัติครบค่ะ

ที่อธิบายมายาวๆ มาดูจากประโยคนี้สรุป ดูแล้ว เข้าใจง่ายกว่าค่ะ

Permanent resident for at least 3 years if you are married to a US citizen.



http://www.uscis.gov/portal/site/uscis/ ... f3d6a1RCRD

คำนวณวันที่จะสามารถเริ่มยื่นใบสมัครได้    http://www.uscis.gov/dateCalculator.html


Tuesday, September 3, 2013

โอนเงินจากไทยมาอเมริกา

เมื่อวานให้เพื่อนโอนเงินจากไทยมาเข้าอเมริกาให้
จำนวนเงินแปดหมื่นบาทไทย  ค่าโอน พันสอง 

รอแค่วันเดียวเงินเข้าละ
โอ๊ยดีใจๆๆ  หาข้อมูลมานานมากว่าส่งมาแบบไหนดี

ส่วนใหญ่มีแต่ส่งเงินจากอเมริกาไปไทย ไม่ค่อยมีใครส่งจากไทยมาอเมริกา
หาข้อมูล มาหลายวันมาก
อยากโอนเงินมาอเมริกาแบบค่าธรรมเนียมถูกๆ จะทำไงดี 
หาๆๆ กูเกิ้ลไม่ยอมบอกเลย ~_~"

ลองโอนมาจากPaypal ไปครั้งหนึ่ง จำนวนเงินที่โอน หกพันบาท ค่าส่งหมดไป เจ็ดร้อยบาท
ถ้าส่งแปดหมื่นทาง Paypal ค่าส่งอ่วมแน่ๆ

ดีใจที่ในที่สุดก็โอนมาได้ละ และค่าส่งไม่เยอะ
ปล. การโอนไม่ค่อยยากนะ แต่ยากตรงเราไม่ได้ไปอยู่ไทยไปโอนเองนี่สิ
ต้องรอวานคนอื่นจัดการให้ ยากตรงนี้แหละ
เกรงใจคนช่วยด้วย


เดี๋ยวจะมาเล่ารายละเอียดนะจ้ะ  เผื่อใครมีความจำเป็นจะได้ใช้บริการบ้าง

Monday, September 2, 2013

Ocean shores

คุณผู้ชายอยากไปทะเล
เราไม่ค่อยชอบเพราะกลัวดำ (จากที่ดำอยู่แล้ว ~_~" )

แต่เมื่อวานเค้าไปตามที่เราอยากไป  วันนี้เราก็เลยไปตามความเห็นเค้าบ้าง
น้ำเย็นมากกกกกกก
ได้แตะน้ำหน่อย
เย็นเจี๊ยบ 

คลื่นแรงมาก เล่นน้ำคนเดียว สนุกดี















My long weekend

วันหยุดยาวผู้คนที่นี่ออกจากบ้านไปพักผ่อนนอกบ้านกัน
เราก็ไปกะเค้าบ้าง
แค่ไปเดินเล่นก็มีความสุขจัง
ผู้คนที่นี่แต่งตัวสบายๆง่ายมากๆ
ไม่มีใครแต่งตัวแฟชั่นแบบคนไทยที่เดินตามห้างในกรุงเทพเลย
(เด็กวัยรุ่นแถวบ้านเราบางคนแต่งจ้าบกว่าที่นี่อีก)
ถ้าใส่สายเดี่ยวก็จะเป็นเสื้อยืดสายเดี่ยวสีล้วนธรรมดามาก
ใส่เพราะอากาศร้อนเห็นแล้วคือธรรมดามากเลย
ไม่มีสายเดี่ยวแฟชั่นลายระบายลูกไม้ลายจุด
หรือมีโบว์สีชมพูผูกด้านหน้าผูกด้านหลังแบบไทยเลย 

 เป็นเมืองสบายๆ แต่งตัวสบายๆ
(ถ้าอั้มพัชราหรือดาราไทยมาเดินแถวนี้คงจะเด่นมากเพราะชุดจะแฟชั่นต่างตากผู้คนที่นี่มาก )
ที่ดูวุ่นวายเพราะคนมาเดินเที่ยวเยอะแต่ดูแล้วความสุข
ชอบจัง อยากอยู่เมืองนี้
ปล.แต่ทุกอย่างแพงมากกก จอดรถ15$ ต่อ3ชม.เจอภาษีไปอีก3กว่า ภาษีกี่เปอร์เซ็นเนี่ยะ  
ถ้าทำงานที่นี่ต้องจอดรถทั้งวันทุกวัน ไม่มีเงินเหลือซื้อกระเป๋าแน่ ^^

 

Wednesday, August 14, 2013

กลับมาแล้วค่าาา

หายไปนานเลย
ไปดูแลกิจการมาจ้ะ

อากาศดีจัง ออกมานั่งเล่นหน้าบ้านค่ะ
รอสินค้ามาส่ง

ตื่นเต้นๆๆๆ

มีชาเย็นไทยด้วยน๊าาาา

อยู่บ้าน แสนสุขใจเนอะ

Time clause จ้าาาา

เรื่องนี้เคยเล่าให้เพื่อนๆ ฟังแล้ว คิดว่าหลายๆคนอาจลืมไปละ เอามาทบทวนใหม่นะ

มาแบบมีสาระแน่นๆ เลย อาจตาลายหน่อยน๊า

วันนี้จะพูดถึง Time clause

ตอนที่เรียนเรื่อง Perfect Tense ต่างๆ ใน ESL Classจะมีตัวที่มาเกี่ยวข้อง คือ Time clause

clause คืออะไร clause คือกลุ่มคำ ที่อย่างน้อย จะต้องมี subject และ verb
ถ้าอยู่โดยลำพังอาจสื่อความหมายยังไม่สมบูรณ์

clause ที่บอกถึงเวลา ก็คือ Time clause

ตัวอย่างWhen the phone rang, the baby woke up.

When the phone rang คือ กลุ่มคำที่บอกเวลา ให้รู้ว่า baby ตื่นเมื่อไหร่When the phone rang คือ Time clause

When the phone rang, the baby woke up.
และ The baby woke up when the phone rang.

2 ประโยคนี้ ความหมายเหมือนกัน เขียนแบบไหนก็ได้

ข้อแตกต่างคือ ถ้าเอา Time clause ไว้หน้าประโยค พอจบ Time clause ต้องมี คอมม่า ก่อนที่่จะเขียน อีก clause ที่เป็น main ในประโยค

แต่ถ้าเขียน main clause ขึ้นก่อน แล้วตามด้วย time clause ไม่ต้องมีคอมม่า

และ time clause แบบนี้ ทำหน้าที่ขยายกริยา เพราะฉะนั้น time clause นี้ก็จะทำหน้าที่เป็น Adverb Clause ในประโยค(adverb คือคำที่ขยาย verb )คือ ขยายคำว่า woke up

ตัวอย่างอีกนะคะWe went inside when it began to rain.
When it began to rain, we went inside.

When my mom comes home, I will cook dinner.

I will cook dinner when my mom comes home.

อีกอย่างที่ต้องสังเกตก็คือtime clause ที่พูดถึงอนาคต verb ใน time clause ไม่ต้องเปลี่ยนเป็น futureแต่ตัวประโยค main ต้องเปลี่ยน
จากตัวอย่าง when my mom comes home ในประโยคนั้นพูดถึงอนาคต แต่เขียนปกติ เพราะอยู่ใน time clause (ไม่เขียนในรูปอนาคต ทั้งที่เป็นเหตุการณ์ในอนาคต )

แต่ I will cook dinner อันนี้คือ main clause ต้องเปลี่ยน verb เป็น future คือ เอา will cook มาใช้เป็น verb อนาคต
time clause อนาคตอื่นๆ เช่นกัน ไม่ต้องเปลี่ยน verb

เช่นTonight I will go to bed after I do my home work.
ทั้งสองการกระทำจะเกิด ในอนาคต maine verb ต้องใช้แบบ อนาคต คือเอา will มาใส่ แต่ ส่วนที่เป็น time clause --> after I do my home work ไม่ต้องเปลี่ยน verb เป็นในรูปอนาคต

คำที่จะบอกว่าเป็น time clause เช่น เช่น before, after , by the time, as , when , the next time, as soon as, whenever

สรุปคำพวกนี้ คือคำบอกเวลาต่างๆ
อีกตัวอย่างนะคะ

The next time I go to Hawaii, I am going to visit Mauna Lao, the world's largest active volcano.

the next time เป็น อนาคต แต่เราไม่ใช่ will go to Hawaii เพราะว่ามันอยู่ใน time clause คำกริยาที่จะเกิดในอนาคตไม่ต้องเปลี่ยนเป็นรูปอนาคตค่ะ

แต่ I am going to visit......อันนี้คือ ประโยคหลัก ไม่ใช่ time clause ต้องเขียนตามหลักปกติ คือเมื่อพูดถึง อนาคต ก็ต้องใช้ will หรือ verb toB +going to ตามหลักการพูดถึงอนาคตปกติ

แต่ถ้าเป็น time clause ที่พูดถึงอดีต หรือ past ต้องเปลี่ยน verb ใน time clause ให้เป็นอดีต

เช่น ประโยคแรกสุด When the phone rang, the baby woke up.ใน time clause พูดถึงอดีต ต้องเปลี่ยน verb ใน time clause เป็นอดีตให้ถูกต้อง

*** อยากให้จำตรงนี้ให้ได้ค่ะ
verb จะไม่เปลี่ยนใน time clause ที่พูดถึงอนาคต ***
ตัวอย่างเช่น by the time I return home....... เห็นแค่นี้ ต้องรู้ว่าพูดถึง by the time ในอนาคต

( by the time ใช้กับเวลาในอนาคต )

เพราะฉะนั้นพอเห็น by the time I return home อนุประโยคที่ตามมาต้องเป็นในรูป อนาคต

By the time I return home, my mom will cook dinner.

เนื้อหายาวไปอาจตาลาย เลยไม่ได้ใจความอะไรไปเลย ขออภัยนะคะ

แค่อยากสนับสนุนให้ คนไทยใส่ใจทบทวนภาษาอังกฤษนะ 

หมายเหตุ  ทั้งหมดนี้เขียนจากประสบการณ์ตัวเอง ไม่ได้จบวิชาเอกภาษาอังกฤษจากที่สถาบันใด
หากเขียนผิดพลาดตรงไหน ข้ออภัยด้วยนะคะ

ไม่ได้เขียนให้อ่านแล้วเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษกันนะคะ
เล่าประสบการณ์ที่เรียนรู้มาตามความเข้าใจ  เล่าต่อแค่พอให้เอาไปใช้เอาตัวรอดได้

บางอย่างใช้ไม่ถูกเป๊ะ แต่ก็พอช่วยให้เราเอาตัวรอดได้ค่ะ

 
 

Monday, July 22, 2013

ได้มาแล้วจ้ะ

หลังจากไปช้อปก็ได้ของมา 3 ชิ้น

ชอบทุกชิ้นเลย


น่ารักๆๆๆๆ  อิอิ เลือกเอง ชอบเอง









Saturday, July 20, 2013

My small business ja

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่อีกแระ

เราไปเปิดกิจการเล็กๆ ขายสินค้า ออนไลน์

สินค้า Pre order ส่งจากอเมริกาไปไทย


มี IG เปิดใหม่ coachusa_delivery ช่วย follow กันหน่อยน๊า 

ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

กำลังทำเฟสบุคเพจ แต่ทำลิงค์ไม่เป็น ~_~

ถ้าทำได้จะเอามาให้เยี่ยมชมน๊า

ไม่ซื้อไม่ว่า แค่แวะไปกดไลค์ให้ก็ขอบคุณม๊าก มาก  ^_^

https://www.facebook.com/pages/Coachusa-Delivery/314160778719272?ref=hl 


กำลังพัฒนาปรับปรุงนะจ้ะ


ใครมีคำถามวีซ่าถามได้นะจ้ะ
ไม่ได้ขายของอย่างเดียว

บริการสังคมด้วยเหมือนเดิมจ้ะ


วันนี้จะไปออกไปเดินชมสินค้าที่เอาเล็ท แล้วจะเอารูปมาฝากนะจ้ะ





ข้าวเหนียว หมูอบ อาหารเข้าวันนี้จ๊าาาา

อาหารเช้าฝรั่งบ้านนี้ ข้าวเหนียว หมูอบ
สมูตตี้สตอเบอรี่&องุ่น เข้ากั๊น เข้ากัน ^_^


ข้าวเหนียวหุงในไมโครเวฟจ้ะ

หมูอบเลียนแบบหมูแดดเดียวพี่ยุ โดยไม่ต้องมีสูตร ^^
เอาหมูไปตากแดดแล้วก็เอามาอบ

เหนียวๆ อร่อยดีน๊า 

มีสมูตตี้เพื่อสุขภาพด้วย

Thursday, July 11, 2013

ว่าด้วยเรื่องบริการของ USPS บริการดี๊ ดี

USPS : The United States Postal Service (U.S. Postal Service)
 
อยู่มาตั้งนาน พึ่งรู้ว่ากล่องพัสดุ ที่นี่แจกฟรี

(เคยรู้มาก่อนนี้ แต่ไม่เชื่อว่าจะได้ฟรีจริงๆ )

สั่งเสร็จ รถปณ.จะเอามาให้ที่บ้าน

ถ้าเรามีตาชั่ง ชั่งน้ำหนักพัสดุเองได้ รู้ว่าของน้ำหนักเท่าไหร่
ก็ทำรายการจ่ายเงินออนไลน์เลย
ปรินส์บาร์โค้ดมาติด

แล้วก็ไปทำรายการนัดออนไลน์ ให้ รถ ปณ. ของ มารับที่บ้าน
ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันรถไป ปณ.
ทำเองค่าบริการถูกกว่าไปใช้บริการที่ ปณ.หน่อยด้วย
ส่งต่างประเทศก็ทำเองได้

โอ๊ย ทำไมมันเดิ้นแท้ เราพึ่งรู้อ่ะ
ดีจังเลย
 
ขอบคุณพี่ยุนะคะ ที่แนะนำมาแบบละเอียดมาก
 
 
ลิงค์ เข้าไปสั่งของ แต่ต้องลงทะเบียนก่อนนะจ้ะ
 

ถือกรีนการ์ดไม่มีรายได้ ควรแจ้งเสียภาษีร่วมกับคู่สมรสหรือไม่

มีคำถามเรื่องนี้ เลยเอาคำตอบมาไว้ที่นี่ด้วยนะจ้ะ

เราไม่ได้มีความรู้เรื่องภาษีเท่าไหร่นัก
แต่พอจะรู้ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวเองในฐานะที่ไม่มีรายได้
ควรแจ้งยื่นเสียภาษีร่วมกับคู่สมรสทุกปี
ขอดีคือ
1.สามีมีรายได้ยื่นเสียภาษีคนเดียวจะเสียภาษีมากกว่ายื่นเสียภาษีร่วมกับภรรยาและชี้แจงไปว่าภรรยาไม่มีรายได้
เพราะถ้าคู่สมรสไม่มีรายได้จะได้รับการลดหย่อน เนื่องจากมีภาระต้องเลี้ยงดูภรรยาไม่มีรายได้
ส่วนใหญ่พอทำเรื่องเสียภาษีร่วมกันและคู่สมรสไม่มีรายได้จะได้เงินคืนมา
ได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับรายได้และเงินที่สามีหักภาษีไว้
ถ้าสามียื่นภาษีต่อไปคนเดียวเรื่อยๆ ส่วนลดที่จะได้กลับคืนมาก็ไม่ได้
เป็นการยกเงินภาษีส่วนที่เราน่าจะได้คืนให้รัฐบาลไปเฉยๆ

2. ในการทำเรื่องถอดถอนกรีนการ์ด2ปีเป็น10ปี และการสมัครUS Citizenในอนาคต
เราจะต้องมีเอกสารการเสียภาษีถูกต้อง
ถ้าไม่มีรายได้ก็เสียภาษีร่วมกับสามี ใช้เป็นเอกสารแสดงความสัมพันธ์ด้วย
ถึงเวลาต้องส่งเอกสารไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจว่าไม่มีเอกสารส่งไป


สรุปควรยื่นภาษีร่วมกับสามีอย่างยิ่งถึงแม้เราจะไม่มีรายได้จ้ะ
ไม่มีเสียมีแต่จะได้ทำไปเถอะนะ

Wednesday, July 10, 2013

Maybe, may be ใช้ต่างกันอย่างไร

วันนี้ นึกถึงคำว่า อาจจะ
แล้วก็คิดว่า ใช้อะไรดีน๊า
ระหว่าง  may be หรือ maybe

(เคยรู้มาว่า  เว้นวรรค กับไม่เว้นวรรคใช้ไม่เหมือนกันแต่ลืมไปแระ)

วันนี้ทบทวนแล้วก็เลยเอามาฝากนะจ้ะ

ในคำอธิบายเค้าบอกว่า 

maybe  ทำหน้าที่เป็น adverb  (  adverb คือ คำขยายกริยา )
จะต้องมีคำกริยาต่อท้าย
ใช้ในความหมายว่า  perhaps

เช่น Maybe he is rich.   ^^

ส่วน may be เว้นวรรค
เป็น verb คือ คำ กริยา ไม่ต้องเอา คำกิริยามาใส่อีก เวลาพูดเป็นประโยค
เช่น  He may be a communist.  ( be แทน verb to be is , am ,are ไม่ต้องเอา verbมาใส่อีก  )


http://www.grammar-monster.com/easily_confused/maybe_may_be.htm

https://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw/posts/303057426405161

http://www.pantown.com/board.php?id=37979&area=3&name=board4&topic=106&action=view

http://englishtipsbyajarnjay.blog.com/2011/05/13/hello-world/

ลองทำข้อสอบหลังทบทวน
4 ข้อเราทำถูกหมด เราไม่ได้จำได้เข้าใจหมดหรอกนะ
แต่มีหลักการณ์เลือกคำตอบ
สังเกตุได้เปล่าว่าเราใช้หลักการณ์อะไรประมาณคำตอบ

คำถามเรื่อง K3 & CR1

คำถาม
เปลี่ยนจาก CR1 เป็น K 3 ได้หรือไม่
( ยื่น CR1 ไป ตอนนี้รอ NOA2 )

อยากทำ  K3 เพราะ K3 เร็วกว่า CR1

คำอธิบาย
จากการหาข้อมูลด้วยตัวเองตามลิงค์อ้างอิงต่างๆ
และจากศึกษาจากประสบการณ์ที่มีไว้ให้ศึกษานะจ้ะ

K3 อาจได้วีซ่าเร็วกว่า CR1 ประมาณ1เดือน

ถ้าจะทำ K3 จะต้องยื่นแบบฟอร์ม K3 ในขั้นตอนแรกช่วงนี้
และรอเคสapprove คือได้ NOA2

ระหว่างรอก็มาลุ้นว่าระหว่าง K3 กับ CR1 อันไหนจะapproveก่อนกัน
ถ้า K3 approveก่อนก็มีสิทธิ์ทำK3
แต่ถ้าสองอย่างนี้ คือ K3, CR1 approveพร้อมกัน ทางNVCจะให้ทำCR1และยกเลิกK3ของเรา

กฎนี้ออกมาปี 2010 ตั้งแต่มีกฎนี้มายังไม่มีเพื่อนๆคนไหนได้ทำK3เลย
เพราะ K3กับ CR1 approve พร้อมกันทุกเคส
ก็เลยได้ทำCR1กันทุกคน


ถ้าใครอยากลองดูก็ได้ ขั้นตอนแรกไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่ม
แต่คงต้องทำใจว่า น่าจะเป็นCR1ไปซัก 98%


แต่ถ้ามีโอกาสได้ทำK3 แล้วไม่ผ่านเรื่องรายได้ในวันสัมภาษณ์
ต้องย้อนกลับมายื่นเอกสารขั้นตอน CR1เพื่อใช้joint sponsor
จะเสียเวลากว่าจะได้วีซ่าไปอีกประมาณ 5เดือนจาก ถ้าเทียบจากtimelineของCR1ปกติ


คำอธิบายเรื่องนี้จากNVC

Important Notice: When both petitions have been approved by USCIS and sent to the NVC or when USCIS approves the I-130 before the I-129F, the availability of, as well as the need for, a nonimmigrant K-3 visa ends.


If the NVC receives both an approved I-130 petition and an approved I-129F petition:
•The nonimmigrant K-3 visa case will be administratively closed.


•The application process explained below will not be available to the foreign-citizen spouse and cannot be used.

•The NVC will contact the U.S. citizen sponsor and foreign-citizen spouse, with instructions for processing the IR-1 (or CR-1) immigrant visa. For more information on the immigrant visa process, review the Immigrant Visa for a Spouse webpage.


If the NVC receives the approved I-129F petition before it receives the I-130 petition, the NVC will process the I-129F petition.

ที่มา http://travel.state.gov/visa/immigrants ... _2993.html

This is my opinion .
According to the new NVC rule, issued on 2010 , 100 % of cases that wanted to do K3 had to change to do CR1 because K3 and CR1 were approved and sent to NVC at the same time .
You can try K3 process if you 'd like to, no fee for first step of K3 .
For K3, you cannot have joint sponsor but for CR1, you can have joint sponsor.

ถ้าSponsor มี income ที่จ่าย Tax ไม่ถึงเกณฑ์

ก็คงต้องทำใจ รอ CR1  นานกว่ากันประมาณ1 เดือน

Income guidelines
http://www.uscis.gov/files/form/i-864p.pdf

Tuesday, July 9, 2013

ไป grocery shopping มาจ้ะ

มาอยู่เมกา3ปี พึ่งมีโอกาสได้ไปซื้ออาหารเองปีนี้แหละ
ปกติไปกับคุณฝรั่งตลอดตอนวันหยุด
แต่ช่วงนี้เธอทำงานวันหยุดด้วย ไม่มีเวลาไป เราเลยไปเอง
ใช้บริการSelf check out คือคิดเงินเอง scanสินค้าเอง จ่ายเงินเอง
หยอดเงินใส่ช่องหรือรูดบัตรเครดิตก็ได้
รอบนี้หมดไป 73$
ประมาณ2,260บาท ถือว่าประหยัดแล้วล่ะสำหรับชีวิตที่อเมริกา
ปกติจะจ่ายประมาณ100-120$ต่ออาทิตย์ ได้อาหารกลางวันใส่กล่องไปให้คุณฝรั่งด้วย
แต่ช่วงนี้ขี้เกียจ ขอตื่นสาย คุณฝรั่งไปซื้ออาหารกลางวันกินเอง
ยอดรายการ grocery shoppingอาทิตย์นี้เลยลดลง

groceryถ้าเป็นภาษาไทยก็คงประมาณ สินค้าแบบในร้านขายของของชำทั่วไป
เวลาจะไปซื้อของพวกนี้ก็พูดว่า
I'm going to buy grocery. ก็จะรู้กันว่าไปซื้อของแบบนี้
 
 

Friday, July 5, 2013

กิจกรรมวันหยุดจ้า

วันนี้วันหยุดแต่คุณฝรั่งต้องเข้าไปที่ทำงาน เราเลยติดรถไปเดินเล่นห้างในค่าย
ไปแผนกกระเป๋าก่อนเลย
หลังจากลองสะพายกระเป๋าแทบทุกใบที่หยิบออกมาได้แล้วก็ไปแผนกรองเท้า
เจอรองเท้าน่ารักมาก เก๋ไก๋ สไลเดอร์
พอดูยี่ห้อ เอ คุ้นๆว่าวันก่อนเจอขายในไอจี
เลยจิ้มโทรศัพท์หาข้อมูลว่าใช่ยี่ห้อนี่เปล่า
ใช่จริงๆด้วย ในเนทดูแล้วที่ไทยฮิตมากพอสมควร
 เราพึ่งรู้จักวันนี้แหละ
อยากได้ซักคู่จังใส่เบาสบายมาก
และแล้วก็ต้องเสียเงินตามระเบียบ
อยากได้ทั้งสองคู่ ใส่ด้วยกันเลย เก็ไก๋สุดๆ ^^
 
ระหว่างลองสะพายกระเป๋า
พนักงานคลีนิคมาชวนไป....
ฟังไม่ออกหรอก แต่ประโยคสุดท้าย ฟรี
ก็เลยทำฟอร์มว่าเข้าใจเดินตามไป ยังไงก็ไม่เสียตัง ^^
เค้าจับทำความสะอาดหน้าแต่งหน้า
อ๋อ ทีแรกฟังไม่รู้เรื่องจริงๆว่าเค้าชวนทำไร
ตอนจะลงรองพื้น เอา...สีมาปาดให้เราดูจะเอาสีไหน
เราบอกขอสีที่brighter ไม่รู้จะพูดว่าไงอ่ะ
อยากได้แบบทาแล้วหน้าสว่างขึ้นมาทันที ไม่ดำอ่ะ
พนักงานไม่เข้าใจคำว่าbrighterที่เราพูด แต่เราพยายามทำมือกับจิ้มสีนั้นสีนี้
จนเธอบอกว่าอ๋อ lighter
เราก็ไม่รู้นะตกลงมันอันเดียวกับที่เราอยากบอกรึเปล่า.
แต่สรุปออกมาหน้าไม่ค่อยสว่าง(มันสีเข้ากะผิวหน้าเกินอ่ะ)
เค้าถามว่า ลงเดิ้นๆด้วยไม๊ เราไม่เข้าใจซักที คิดไปถึงpaddle งง ว่าคืออะไร
จนสุดท้ายเธอไปหยิบอ๋อ powder
สุดท้ายได้สองอันนี้มาจ้ะที่บอกว่าฟรี
 

   


 
 
 




 

 


โอนเงินจากอเมริกาไปไทย โดยใช้บริการ MoneyGram หรือทางไหนดี

ส่งเงินจากอเมริกา ไปไทย ที่ไหน ทางไหนเรทดี ? คนมาอยู่อเมริกาคงมีคำถามนี้กันเนาะ วันนี้ยกตัวอย่างบางช่องทางนะคะ เราถนัด MoneyGram เพราะสะ...