Tuesday, August 30, 2011

ประสบการณ์บ้านนอกตกเครื่องที่เมืองนอกจ๊า

เริ่มแรกเลยก่อนดีกว่า
ออกมาจากบ้านก่อนเครื่องขึ้น 11ชม.แน่ะ เพราะจะแวะไปอาบน้ำก่อนเข้าสุวรรณภูมิน่ะ

ครั้งที่แล้วไม่ได้อาบ กว่าจะถึงปลายทาง เหม็นตัวเองมาก (~_~)"

ไปถึงไปเช็คอิน กระเป๋า ยี่สิบกว่าโล กับ ยี่สิบเอ็ดกว่าเอง ว๊า เสียดายจัง รู้งี้จับใส่มาอีก
หยิบสมบัติออกไปหลายชิ้นเลยแหละ

เราต้องเดินทางด้วย

Thai airways  จาก BBK
ไปต่อ ANA ที่ Narita, Japan
ละก็ต่อ United Airline ที่เมกา Washington Dulles International Airport (VA),ละก็อยู่ใกล้ Washington DC

สามไฟล์ทจ๊า   จะไปลงที่ Raleigh , North carolina แล้วคุณผู้ชาย จะขับรถไปรับกลับมา Fayetteville,NC

การเดินทางทั้งหมดนับจากออกจากบ้าน ก็น่าจะประมาณ 39ชม.จ๊า
ถ้าไม่อาบน้ำก่อนขึ้นเครื่อง กว่าจะถึงเหม็นจริงๆ เลยแหละ


เริ่มไปถึงสุวรรณภูมิ ก็ไปเช็คอินที่ เคาเตอร์การบินไทย
จนท.บอกว่าออกแทคให้สามไฟลท์ ไม่ได้นะคะ
อ้าวทำไมล่ะ
เครื่องมันล็อค ไฟลท์ที่สาม ทำไม่ได้ค่ะ  อาจเพราะ บางสายการบินไม่ได้เข้าร่วมกัน

เราก็บอกไป เอ ตอนมาก็ทำได้ แล้วนี่เป็นตั๋วไปกลับน่ะน่าจะทำได้เนอะ
แล้วเราซื้อตั๋ว จากสายการบิน  ANA   แล้วได้พ่วง ตั่วสายการบินอื่นมาด้วย
Code flight ก็เป็น Code  share flight  ก็น่าจะได้เนอะ
ไม่อยากไปขอ แทคเพิ่มที่ Dulles น่ะ เพราะมีเวลา ประมาณ 2 ชม. ต้องผ่าน ตม.ด้วย , customด้วย
ไม่อยากให้เสียเวลาเพิ่มอีก  อยากเดินไปเกทแบบสบายๆ
สนามบินกว้างใหญ่มากอีกต่างหาก กว่าจะไปถึงเกทอีก


แต่จนท.ก็บอกว่าทำไม่ได้  บอกว่าระบบมันล็อคไม่ให้เข้าไป ไฟล์ทที่สามเลย

เราก็บอกอีกว่า แต่ทุกที ก็ทำได้ตลอดนะ ที่เคยเดินทาง ต้องต่อ 4 flight  ยังทำได้เลย
จนท.ก็ตอบกลับมา แล้ว ที่เดินทางมา มากี่สายการบินคะ บางสายการบินก็ทำไม่ได้
เราก็บอกว่า ก็หลายสายการบินพอสมควรแหละ แต่คิดไปมา ก็ไม่เยอะหรอก ไปกลับสองครั้งเอง อิอิ  เริ่มต้นมาอีกหนึ่ง แต่ที่หลายสายการบิน เพราะต้องต่อหลายไฟล์ทน่ะ
แต่ก็แค่ไม่กี่รอบ  ก็เลย หัวเราะ แหะๆ กับตัวเอง
ก็ไม่กี่สายการบินหรอกค่ะ ^_^

ในเมื่อไม่ได้ก็ไม่ได้ จะให้ทำไงเนอะ คุยกันอยู่ตั้งนาน
สรุปสุดท้าย จนท.ก็บอกว่า ไม่เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน ทุกทีก็ออกให้ได้
อ้าว ไหนว่า บางสายการบินก็ออกไม่ได้ไง แล้วสุดท้ายมาบอกว่า ไม่เคยเห็นเหมือนกัน
สับสนตัวเองหรือเปล่าเนี่ยะ
ตกลงเรากลุ้มใจดีรึเปลาเนี่ยะ ผิดปกติหรือไม่ผิดปกติเนี่ยะ (~_~)"
(มาคิดทีหลัง สงสัย ตั๋วที่ไป NCถูกล็อคมาจากระบบ เพราะเรื่องพายุแหละ ยังไงก็ไปต่อไม่ได้
แต่จนท.เองก็ไม่รู้เหตุผลหรือเปล่า อันนี้แอบสงสัยไปเองน่ะ  เพราะตอนไปรับกระเป๋าที่ Dulles  กระเป๋าที่มีปัญหาแบบเรา  วางไว้รอผู้โดยสารมารับเยอะเลยน่ะ )

ตอนนั้นไม่รู้น่ะ ว่าการที่มีแทคกระเป๋ามาแค่ สองไฟล์ จะทำให้ กระเป๋าไปลงคนละที่ กับ กระเป๋าแทค สามไฟล์ท
เราก็เลยโผล่รอไปรับกระเป๋า คนละที่กับกระเป๋าไปลงนะ

แต่ก็ยังดี ที่ การบินไทย ออกตั๋ว Boarding pass ให้ สามไฟล์ทได้
เพราะ ขามาไทย ต้องไปขอBoarding pass ที่เคาเตอร์เช็คอิน ของสายการบินใหม่ ทุกไฟล์ท
ตอนนั้นจนท.บอกว่า เป็นคนละสายการบิน ออกตั๋วให้ทั้งหมดการเดินทางเลยไม่ได้
เลยต้องไปขอใหม่ทุกไฟล์ท
เราก็พูดมั่วๆ ไปทุกไฟล์ท อิอิ
คำถามควรตอบโน เราก็ตอบเยส  อิอิ กว่าจะได้ตั๋ว  พูดไม่รู้เรื่องซักที
ดีที่เจอเจ้าหน้าที่ไทย เลยได้ตั๋วมา ^_^
แต่ขากลับ การบินไทยออกBoarding passให้ สายการบินอื่นๆ ได้ งง
แต่ไม่เป็นไร ได้ ตั๋วมา ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

นั่งรอ ขึ้นเครื่อง โทรศัพท์ที่เอาใช้ที่เมกา สั่นๆ เหมือนมีข้อความเข้า อ้าว ข้อความเข้าได้ไง
เราว่าเราปิดเครื่องน๊า เอาไว้ใช้ที่เมกา
หยิบมาดู แบตเตือนสีแดง แบตเกือบหมด
โอ๊ย เปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ เนี่ยะ เก็บไว้ในกระเป๋าสะพาย
สงสัยไปโดนปุ่มเปิดเครื่อง ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

แล้วไปถึงเมกา จะเหลือแบตติดต่อคุณผู้ชายได้รึเปล่าเนี่ยะ
สนามบินนั้นไม่เคย ไปลง จะไปรอกันตรงไหนก็ไม่รู้ เฮ้อ
ถ้าเื่อไฟล์ทมีปัญหาจะติดต่อกันยังไงเนี่ยะ
เฮ้อ อย่าหมดน๊าแบต ลุ้นๆๆ แต่ไฟขึ้นสีแดงแล้ว  กว่าจะไปถึงเมกา อีกวันกว่า  โอ๊ย ลุ้นมาก
รีบปิดโทรศัพท์ไว้ ระวังมาตลอดการเดินทางไม่ให้ไปโดนปุ่มเปิดอีก

มาถึง นาริตะ เย๊ ผ่านไปหนึ่งไฟล์ทละ  ลุ้นอีกสองไฟล์ท จะไปได้ไม๊
คุณผุ้ชายบอกว่า อาจจะไปไม่ได้น๊า พายุเข้าที่เมกา

ไม่ได้ก็ไม่ได้อ่ะ ดีกว่าไปแล้วลุ้นพายุพัดตก ผิดหวัง


พอไปถึงนาริตะ ต้องต่อเครื่อง มีเวลาเยอะ เดินไปดูเกทไว้ แล้วก็ไปเดินเล่นดูร้านค้าแถวนั้น 
อารมณ์ดี  อิอิ ไม่ได้ตื่นเต้นกับพายุเลย 
กลับมาอีกที ที่นั่งรอตรงเกทเต็มแล้ว ก็เลยไปนั่งหลังเสา คิดอยูว่า ไม่เห็นหน้าเคาเตอร์เลย
เื่อจนท.ประกาศอะไร จะได้ยินไม๊เนี่ยะ ยิ่งฟังไม่ค่อยรู้เรื่องอีกตังหาก
แต่คิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะเดี๋ยวก็เรียกขึ้นเครื่องแล้ว
คนอื่นลุกเราก็ลุกตาม ไม่น่ามีปัญหา 

ปรากฎว่า จนท. เดินถือป้าย ในป้ายมีชื่อเรา กับผู้โดยสารอีกหนึ่งคน ไม่รู้ว่าทำไม
มีชื่อเราขึ้นหน้าจอมอนิเตอร์ด้วย  แต่เราไม่ได้สนใจมองน่ะ นั่งบังเสาด้วยแหละ เลยไม่เห็น 
เค้าให้ กรอกที่อยู่ ที่อเมริกา 
ก็เลยถามว่า มีปัญหาอะไรเหรอ เพราะแพรไม่เคย ต้องกรอก 
เค้บอกแค่ถามข้อมูลเฉยๆ 
ก็กรอกไปแบบงงๆ ว่าทำไมครั้งนี้ ต้องเขียน  
แล้วก็ยื่นตั๋วให้ดู บอกไปว่า เราจะต้องต่อไฟล์ทที่ สาม ที่อเมริกา ไฟล์ทนั้น มีปัญหาหรือเปล่า 
จนท.ก็เหมือนไม่ค่อยเข้าใจที่เราต้องการสื่อสาร  บอกแค่ว่า ไฟล์นี่น่ะ ตรงเวลา
เราก็นึกในใจ รู้อยู่แล้วแหละ ว่าไฟล์ทนี้ตรงเวลา ก็ on time ลอยอยู่บนจอ จนจะขึ้นเครื่องอยู่ละ 
อยากรู้ ไฟล์ที่สามหรอก 
เค้าก้คงไม่รู้น่ะ ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร ไปต่อเรื่อยๆ ก่อนละกัน  
ไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ทำไงได้ล่ะ 

ส่งemail บอกคุณผู้ชาย บอกว่า ไฟล์ทไปNorth carolina น่าจะยกเลิกแน่ๆ เค้าดูข่าว 
เราก็เลยบอกไปว่า ที่ญี่ปุ่น จนท.ไม่ได้ว่าอะไร  
เราก็จะไปต่อเรื่อยๆละกัน ถ้าต้องพักก็พัก ไม่เป็นไร ดีกว่า ขึ้นเครื่องแล้วเจอพายุ 

พอไปถึงอเมริกา ก็เดินเข้าช่อง สำหรับผู้โดยสารที่ต้องต่อไฟล์ท 
มี จนท. ANA มาถือป้ายบอกว่าไปทางไหน ดีจัง(มาคิดทีหลัง ว่าคงไม่ทุกวันหรอกมั๊ง วันนั้นไฟล์ยกเลิกเยอะ เลยบริการพิเศษน่ะ )
เดินเข้าไปในช่อง เหมิอนเป็นประตูห้อง แต่มันเป็น ประตูรถบัส ที่ติดกับตัวอาคารเลย 
จะไปส่งเราที่ แผนก Immigration สำหรับผู้โดยสารที่ต้องต่อเครื่อง
ช่วงที่ เข้ารถบัส  เพื่อไปเข้า ตม. สำหรับ คนที่ต้องต่อเครื่อง
 ก็มี จนท. มาแจกกระดาษ ในนั้น บอกว่า ไฟล์อะไร ตองไปต่อ เกทอะไร 
มีแผนที่สนามบินด้วย นึกในใจ ที่นี่บริการดีจัง 
โอ๊ะ อย่าพึ่งดีใจดูไฟล์ทตัวเงอดีกว่า 
มองหาไฟล์ทตัวเอง ก็เจอว่าไฟล์ท cancel จริงๆ  
ตอนนั้นยังอยู่ในรถบัส ก็ยังไม่รู้จะทำไง  
ในเมื่อไปไม่ได้ ก็ต้องพักแหละ 
ตอนนั้นไม่กังวลเรื่องต้องพักเลย กังวลเรื่องโทรศะพท์ แบตจะหมด จะติดต่อ คุณผู้ชายได้ไม๊ 
แล้วจะเดินทางตอนไหน คุณผู้ชายจะรู้ไม๊เนี่ยะ 
สายชาร์ทก็อยู่ในกระเป๋าเดินทางใหญ่
ปกติจะเอาสายชาร์ทไว้กับตัวตลอด ทุกครั้งที่เดินทางจะทำใจว่ากระเป๋าอาจหายได้ทุกครั้งที่เดินทาง
แต่ครั้งนี้ จัดกระเป๋า ไม่ลงตัวซักที หยิบไปหยิบมา
ของในเป้ที่ติดตัวเยอะเกิน
เลยเอาไปใส่กระเป๋าใหญ่   
คิดแล้วเครียดเลย  

พอไปถึง ตม. ผ่าน ตม.เป็นคนแรก เสร็จที่ตม. คนแรก ก็เดินไปรับกระเป๋า ไม่เจอกระเป๋าน่ะ
จนผู้โดยสารคนอื่นมารับกระเป๋าไป เราก็ยังไม่เห็นกระเป๋าตัวเองเลย 
กระเป๋าเรา มีแทค แค่สอง เหมือน สิ้นสุดการเดินทางที่ไฟล์ที่สอง มันเลยไปลง ที่ รับกระเป๋าของคนที่ สิ้นสุดการเดินทางที่สนามบินนั้นน่ะ


แต่ตอนลงเครื่อง เราต้องเข้าช่องที่ Connect flight   (คนละอาคารกับคนที่ สิ้นสุดไฟล์ท ปลายทางที่นี่ เข้าไปตรวจ ตรง ตม.น่ะ) 
พอเข้าไป   ผ่านขั้นตอนทุกอย่างแล้ว ไปหากระเป๋า เลยไม่เจอกระเป๋า 

ก็เลยตัดสินใจไปถาม จนท.แบบมั่วๆ หลังจากที่รอ จนเหลือแค่เรา คนเดียว  คนอื่นไปหมด กระเป๋าก็ไม่มีมาเพิ่ม 
รอกระเป๋า ประมาณ สาม ชม.  พอเจอกระเป๋า ต้องเอาไป ตรวจที่ custom แล้วก็ยื่น กระเป๋าส่งต่อไปอีกที่ อีกอาคารไกลไปเลย  เพราะตอนนั้น เราอยู่ในบริเวณ ของผู้โดยสารต่อเครื่อง เอากระเป๋าออกไม่ได้ ปกติกระเป๋าจะต้องถูกส่งไปอีก ไฟล์ท แต่นี่เราจะ ออกจากสนามบิน ก็เลยต้องไปรับกระเป๋าอีกที่ 
กระเป๋าต้องถูกส่งไปอีกที่ เราต้องไปรับอีกอาคารเลย เหมือนผจญภัยไปเลยแหละ เพราะสนามบินใหญ่มาก  ไปพร้อมกับแผนที่หนึ่งใบ

 ระหว่างที่รอกระเป๋า  จนท.ก็ยื่นรายละเอียดโรงแรม  มีชื่อ โรงแรม มีเบอร์โทร ราคา 

เราให้คุณผู้ชายติดต่อโรงแรมให้ 
ส่งข้อความไปบอกคุณู้ชายทาง sms เพราะถ้าโทรคุยกลัวแบตหมด 
ส่งข้อความเสร็จ ก็ปืดโทรศัพท์ กลัวแบตหมดน่ะ
ตอนนั้นกระเป๋ายังหาไม่เจอน่ะ ไม่รู้จะได้สายชาร์ทไม๊ เฮ้อ
จนท.ที่สนามบินให้เบอร์โทรโรงแรมมา เราติดต่อเอง 
เราให้คุณผู้ชายติดต่อให้  เพราะแบตโทรศัพท์เราจะหมด ถ้าติดต่อเอง กว่าจะคุยรู้เรื่อง แบตคงหมดแน่
ให้คุณผู้ชายถามด้วยว่า เราจะไปโรงแรมได้ยังไง  มีรถฟรีไม๊ เงินสดติดตัวก็มีไม่มาก

สรุปมีรถบัส โรงแรมมารับ 
เราออกไปรอที่ จุดจอดรถบัสด้านหน้า   

ก่อนได้กระเป๋า จนท.ก็เอา ใบ E ticket ตั๋ว ใบเล็กๆ อันใหม่มาให้ เป็นวันรุ่งขึ้น สี่ทุ่ม 
หมายความว่าเราต้องรออีกวันกว่า  
แต่ก็ไม่เป็นไร  ถ้าไปเร็ว เสี่ยงเจอพายุก็อย่าไปดีกว่า

ตอนไปรับกระเป๋า ขั้นตอนสุดท้าย  ต้องเดินไปรับอีกที่ไกลมาก  คนละอาคารเลย
เพราะเราเข้าตรง ผู้โดยสารต่อเครื่อง แต่ต้องไปเอากระเป๋า ตรงผู้โดยสาร ที่สิ้นสุดการเดินทางที่สนาบินนี้ 
ต้องเดินไป หา ถไฟฟ้าใต้ดิน นั่งรถไฟฟ้าไป แล้วก็ไปต่ออีก ขึ้นบนได ลง บันไดไป เรื่อย ไปตามแผนที่
แล้วก็ยื่นแผนที่ให้คนแถวนนั้นบอกต่อ 

เดิน เหมือน หลงมาคนดียวเลย เพราะสนามบิน ไฟล์ทยกเลิกเยอะ ไม่มีผู้คนเลย 
ถือแผนที่ ที่พนักงงานให้มาในมือ 

ตอนพนักงงาน ที่ติดต่อเรื่องกระเป๋าให้ อธิบายว่าต้องไปรับกระเป่าที่ไหนยังไง เราฟังไม่เข้าใจ
คือจริงๆก็พอ พอเข้าใจอยู่นะ อิอิ  แต่ ไม่เข้าใจ ตรงที่ว่า ทำไมเราต้องไปรับกระเป๋าอีกที่ 
เราไม่เคยทำแบบนี้น่ะ ทุกทีต่อเครื่อง เลยงง เป็นห่วงกระเป๋าด้วยแหละ กลัวไม่ได้กระเป๋า
จนท.เป็นคนญี่ปุ่น พูดอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่น เราเลยยิ่งฟังไม่รู้เรื่อง 
เราเลย ขอให้ จนท.อีกคน ที่พูดชัดกว่าอธิบายให้เราฟังใหม่ เค้าก็ดีมาก ต่อโทรศัพท์ไปหาคนไทย ให้คนไทย อธิบายเราเป็นภาษาไทย 

เราก็ยังงงอยูดี ว่าทำไม กระเป๋าไม่ออกไปกับเราเลย  เป็นห่วงกระเป๋าน่ะ ตอนนั้นนึกถึงแต่ที่ชาร์ทแบตที่อยู่ในกระเป๋า อยากชาร์ทแบตโทรศัพท์
แต่เค้าบอกให้ไปรับอีกที่ ก็ต้องไปรับอีกที่แหละ   ไปไกลมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ถ้าไม่มีแผนที่อาจมีเดินกลับไปกลับมาหลายรอบได้
และอาจนั่งรถไฟไฟ้าไปลงผิดสถานีได้ 

พอไปถึง เราก็จะเอารถเข็นมาใช้ 
ไปลากออกมา ลากไม่ได้ ก็เปลี่ยนไปลากอีกทาง

เอ ตอนอยู่ด้านในก็หยิบมาใช้ได้ง่ายๆ นะ 
บางสนามบิน ต้องจ่ายเงิน แต่ตอนอยู่ด้านในเราก็หยิบมาใช้ฟรีได้นี่นา ก็ดึงๆ ต่อไป พยายามมาก ไม่อ่านอะไรเลย หุหุ

ดึงๆๆๆ ก็ลากไม่ได้ เปลี่ยนอีกทางอีก ดึงๆๆ ก็ลากออกมาไม่ได้  คนมองก็ไม่สน   หมดประเทศนี้ไม่มีใครรู้จักเราหรอก ดึงๆๆ คริๆ  สุดท้ายด็ไม่ได้ 
ก็เลยไปรับกระเป๋าโดยไม่มี รถเข็น แต่ลากกระเป๋าไปไม่ไหวน่ะ  อิอิ 
ตัดสินใจไปเอารถเข็นใหม่ แล้วก็ถามคนแถวนั้นว่าจะเอารถเข็นมาใช้ ต้องทำไง เราทำไม่เป็น เค้าก็บอกว่าต้องหยอด เงินก่อน 
คริๆ เราได้ยินปั๊บก็จะหยอดเงิเหรียญในมือ ที่เตรียมไว้โทรหาคุณผู้ชาย
เค้าบอกวา่าไม่ใช่ ต้องเป็น แบงค์ สามดอลล่าห์ คริๆ ไม่เคยนี่นา 
แบ็งค์เราก็ยับมาก เครื่องจะไม่รับ ก็ยืนรีดๆๆ ลุ้ยมาก ว่าเครื่องจะรับไม๊ เพราะมีแบ็งอยู่นิดเดียวสุดท้ายก็ได้ รถเข็นมาใช้เย๊ ผ่านไปหนึ่งอย่างละ 

เราจะไปกดเงินเพิ่มก็กดไม่เป็น คริๆ ลองกดแล้ว แต่บัตรมันออกมา 
เราก็ใส่ไปใหม่ 
มันก็เด้งออกมาอีก เราก็รับมาอีก อิอิ  จริงๆมันทำขั้นตอนต่อไปเลยโดยที่บัตรออกมาแหละ เราไม่รู้
เอทีเอ็มของบัตรเราที่เคยกดเหมือนที่ไทย คือ กดไปทำรายการจนเสร็จบัตรถึงจะเด้งออกมา
แต่มันมีข้อความให้ทำรายการได้ ทั้งที่บัตรออกมาแล้ว ลองทำรายการดูหน่อยละกัน 
ทำไปก็ไม่ได้เงินหรอก
เราจะถอนจาก Saving account ในนั้น มีแต่ checking account
มีเอทีเอ็ม checking accountอยู่ แต่ไม่อยากใช้ ไม่อยากเสียบบัตรใหม่ 
กลัวทำผิด บัตรนั้นเป็นบัญชีร่วม  เงินเยอะกว่า เดี๋ยวทำผิดมีปัญหา เลยอยากกดจากัญชีตัวเอง ที่มีเงินอยู่นิดเดียว ถ้าผิดจะได้ไม่มีผลอะไรมาก  แต่ทำไม่ได้ กดวนไปวนมาก ็ไม่มีรายการให้ถอนจาก saving account  เลยตกลงไม่ได้กดเงิน

แต่มีติดตัว ประมาณ แปดสิบดอลล่าห์ น่าจะพอน่ะ 
เพราtค่าโรงแรม จะจ่ายด้วยบัตรเครดิต
แวะซื้ออาหาร ในสนามบินไปกินตอนเย็น อิอิ แอบเสียดายตัง ถ้าไปกินในโรงแรม ไม่กล้าสั่งอาหารโรงแรมด้วยแหละ อิอิ 
คุณผู้ชายบอกว่าไม่ต้องซื้อหรอก ไปกินที่โรงแรม ให้รีบไป เดี๋ยวพายุมา จะไปโรงแรมไม่ได้ 
เราก็แอบไปซื้อก่อน เพราะกลัว สั่งอาหารที่โรมแรมไม่ถูก  อิอิ เสียดายตังด้วยแหละ

พออกจากอาคารสนามบิน เราก็เอาโทรศัพท์ ที่คุณผู้ชาย ส่งข้อความมาว่า ต้องไปขึ้นรถ ที่สถานีอะไร ให้ จนท.ด้านหน้าดู 
เพราะถ้าถาม คงคุยกันไม่รู้เรื่องซีกที ภาษาอังกฤษ ระดับประถม ยิ้ม

เราถามเค้าว่า เราจะไปตรงที่บอกในโทรศัพท์ได้ยังไง

เค้าก็ชี้ไป มองเห็นเลย เดินนิดเดียว แต่ต้องข้ามถนน ฝนตก
เราก็เลยเป็นลูกหมาตกน้ำ  กับกระเป๋า ใหญ่ๆ อีกสองใบ กระเป๋า สะพายอีกสองใบ  เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงเลย  ยิ่งกว่าอีกด้วยซ้ำ อิอิ 


รถจะมาทุก สิบห้านาที  ตอนเห็นรถคันอื่นๆ ผ่านไป ก็คิด เราจะยกกระเป๋าขึ้นรถได้ไงนี่ ต้องยกผ่านขั้นบันไดรถตั้งหลายขั้น
แต่พอรถมาจริงๆ รถไฮโซกว่าที่เราจินตนาการ อิอิ 
มีที่เก็บกระเป๋าด้่านหลัง  พนักงานช่วยยก ไปถึงโรงแรมเราก็ให้ทิปไป 
ขอบคุณหลายๆ ที่เราไม่ต้องยก แบบทุลักทุเล อิอิ 

พนักงานก็คุยกับเราดีมาก   แม้ว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ^_^


โรงแรมใกล้ สนามบินมาก และเป็น โรงแรมดีมาก 
ในห้อง มี โซนรับแขก โต๊ะรับแขก โต๊ะทำงาน  ทีวี จอ ใหญ่ เบอร์เริ่ม 

เราก็เลยพักอย่างสบาย  ดูแต่ข่าว  ว่า จะเดินทางได้หรือเปล่า

โรงแรมต้องใช้ คีย์การ์ด เสียบ ก่อนจะกดลิฟท์ เราก็ทำไม่เป็น คริๆ 
ดีแต่มีคนอื่น ใช้ลิฟท์ด้วยก้เลยพึ่งอาศัยเค้า 
ปรากฎว่าไปกดลิฟท์ผิดอีก
ใจลอย ไปกดชั้นที่พักน้องที่เราไปแวะไปอาบน้ำมาก่อนเดินทาง ว๊า
ต้องกดใหม่ ใส่บัตรใหม่ ใส่ผิดอีก

มีคีย์การ์ดสองอัน ถาม จนท.แล้ว ว่าทำไม มี คีย์การ์ด สองอัน จนท.บอกว่ามันก็คีย์การืดนั่นแหละ
ไม่ได้คำตอบอะไรที่มีประโยชน์ขึ้นเลย  
ตอนที่ถามน่ะ สงสัยว่าอันหนึ่งจะใช้กับลิฟท์ อันนึงจะใช้กับห้อง
แต่เค้าไม่บอกอะไรมากก็มั่วต่อไปแล้วกัน
พอต้องชั้นใหม่ ต้องเสียบัตรใหม่ ก็เสียบผิดอีก หุหุ

คุณผู้ชายใจดีที่เข้ามาด้วยและกำลังจะออกไปก็บอกว่า
เดี๋ยวลิฟท์จะไปที่ชั้นสิบนะ แล้วจะลงมาใหม่ ให้เสียบบัตรแล้วกดชั้นใหม่
ก็ขอบคุณเค้าไป
แล้วประตูลิฟท์ก็ปิด ทิ้งให้เราอยู่ในลิฟท์คนเดียว กับการ์ดสองใบ ที่ใช่ไม่ค่อยจะเป็นเลย 
ในใจก็คิด ถ้าทำไม่เป็นจริงๆ ติดอยู่ในลิฟท์จะทำไงเนี่ยะ โทรศัพท์ ก็แบตจะหมดมานานละ 
จะใช้ได้อีกไม๊ก็ไม่รู้
ก็ลองเสียบบัตรไป อันแรก อันแรกทำไม่ได้ ก็ลองอีกใบ
กดๆๆ เย๊ ทำได้ละ ไม่ติดอยู่ในลิฟท์ละ
ไปถึงห้อง ลากกระเป๋าไปแบบทุลักทุเลมาก เปิดเข้าห้องโดยใช้คีย์การ์ดอีกรอบ
เรามีปัญหากับการใช้คีย์การืดมาตลอด ไม่เคยทำจังหวะ เปิดได้ง่ายๆซักที 
พอเปิดเข้าห้องได้ ดีใจมาก จะได้ชาร์ทแบต รอดแล้ว เย๊ 


วันกลับ เจอ จนท.เช็คเอาท์ คนเดียวกับเช็คอิน 
ก็เลยคุยแบบเหมือนคนรู้จัก คริๆ พูดมั่วไปเรื่อย ไม่รู้จนท.จะเข้าใจหรือเปล่า 
ถามราคา ปกติของเค้า เพราะเราได้ราคา $90 แต่เราว่า โรงแรมดูดีกว่าราคา $90น่ะ

บอกเค้าว่า เราจะไปสนามบินโดยรถโรงแรม เค้าก็บอกให้นั่งรอ ไม่ต้องออกไปรอข้างนอก 
ก่อน รถออกทุกสิบห้านาที คนขับรถจะเข้ามาถามว่าใครจะไป
เราเจอคนขับรถคนเดิม ก็เลยคุยกันแบบมั่วๆไปอีก อิอิ 
เค้าขอโทษ ที่เมื่อวานฟังเราไม่เข้าใจ เราก็ขอโทษภาษาอังกฤษเราไม่ได้เรื่องเองแหละ  

เค้าถามว่าเราจะไป สายการบินอะไร 
เค้าจะได้ไปจอดถูกสถานีที่ต้องไปต่อ 

พอไปถึง จอดสถานีแรก คนอื่นลง เราก็ลุกจะลงบ้าง คนขับบอกว่า ยัง  ยังไม่ใช่ สถานีต่อไปนู่น 
พอถึง สถานี ลงจากรถ เราเดินไปรอกระเป๋า ตรงประตูหลังรถ ไม่เห็นคนขับ
อ้าวคนขับไปไหน  เดินไปดูที่ ด้านหน้ารถ ก็ไม่เห็น
เดินไปดูด้านหลังตรงที่เอากระเป๋าอีก ก็ไม่เห็น 
ตกใจมาก เค้าไปไหน จะอิ๊บกระเป่าใหญ่ๆ สองใบของเราไปเหรอ หันไปด้านหน้ารถอีกที 
อ้าว เค้าไปเอารถเข็นให้
เลยฉีกยิ้มไปกว้างๆ กลบเกลือ่นความอาย
เพราะตอนเราเดินไปลังรถ หน้ารถ กลับไปกลับมาเค้าก็ต้องเห็นน่ะ
อายจัง คริๆ 
เค้าอกว่า คิดว่าเราจำเป็นต้องใช้รถเข็นแหละ ก็เลยไปเอาให้
แนะนำต่อด้วย ว่าเข้าไปต้องเดินไปทางไหน  เข้าไปแล้ว ไปต่อยังไง ดีจัง

พอเข้าไปข้างใน เราก็ตรงไป เคาเตอร์ information ยื่น กระดาษ ที่เป็น ใบเล็กๆ บอก ไฟล์ทใหม่  ให้ จนท.ดู 
ในนั้นบอกว่า ไฟล์ทเรา สี่ทุ่ม โดยสายการบิน UA
เราบอกไปว่า ไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหน  ไฟล์ทเรายกเลิกเมื่อวานนี้  เคาเตอร์ สายการบินนี้อยู่ตรงไหน เราจะไปยังไง 

จนท.ก็ใจดีมาก เป็น คุณป้าแก่ๆ บอกเรา ว่าให้ไป ติดต่อที่ไหน ไปยังไง แล้วก็บอกคำพูดมาเลย ว่าไปถึงให้พูดยังไง เพระาเค้าเห็นเราพูดอังกฤษไม่คล่อง 
พูดบอกประโยคตั้งหลายรอบ เค้ากลัวเราจำไม่ได้ ดีจังเลย
แล้วบอกด้วยว่า ถ้าตรงนั้น ช่วยเราไม้ได้ ให้กลับมาหาเค้า เค้าจะหาสายการบินอื่นช่วยให้ คือเราจะไปหา สายการบิน United airline ที่เรามีตั๋วไว้ก่อน ถ้าไม่ได้ คงต้องเปลี่ยนสายการบินน่ะ เพระาตอนนั้นไม่รู้ ว่าตกงจะมีเที่ยวบินขึ้นหรือยังน่ะ อาจยกเลิกอีกก็ได้ 

เราก็ไปตาม เค้าบอก ต้องขึ้นลิฟท์ไป ไม่รู้จะกดไปชั้นไหน ไม่มีบอกชั้น มีแต่บอกจุดหมายที่จะไป
คุณป้าบอกแค่ว่า ขึ้นไปชั้นเดียว แต่ไมไ่ด้บอกว่าตุดหมายคืออะไร เลยไม่รู้จะกดอะไร 
คริๆ ดีแต่มีผู้โดยสารคนอื่นเข้าไปด้วย ก็อาศัยไปตามเค้า
พอไปถึง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปต่อ แถวไหน
บางแถวก็ สั้น บางแถวก็ยาว
เราเลยเลือกไปต่อแถวยาว กลัวว่าแถวสั้น จะเป็น วีไอพีอะไรซักอย่างน่ะ
แล้วก็ถามคนแถวนนั้น เพื่อความมั่นใจว่าต่อถูกแถวไม๊ 

เค้าเป็นคนบราซิล พูดอังกฤษไม่ได้ เค้าก็เรียก สามี มาช่วย สามีก็ไปเรียกคนอื่นมาอีก

สรุป เค้าให้เราไปอีกแถว เพระาแถวนั้นเค้าจะไป บราซิลกัน แต่เราจะต่อแถวของสายการบินในประเทศ

พอไปยืนอีกแถวเราก็ไปถาม จทน. ที่เดินดู แถวๆนั้น ว่าเราต่อถูกแถวไม๊ มันไม่เห็นมีป้ายบอกว่า แถวไหนเป็นแถวไหนน่ะ พยายามดูแล้วก็ไม่เห็น 

เราบอกไปว่าเรา มาจาก International flight เค้าบอกว่า อันนี้มันเป็น เคาเตอร์ ภายในประทศนะ

แต่เค้าก็พาเราไปที่เคอเตอร์  เฮ้อ อย่างน้อยก็ได้คุยกับ จนท.ดีใจจัง

เราก็บอก จนท. ที่เคาเตอร์ไปว่า เราอยากรู้ ว่าเที่ยวบินของแพร มีแน่ไม๊ 

เค้าดูตั๋วก็บอกว่า มันเที่ยวบินกลางคืนนะ ไม่ใช่กลางวัน 
นี่ยังกลางวันอยู่เลย คือเราไปเช็ออินเร็วเกินน่ะ  ไปประมาณ สิบเอ็ดโมง เพราะต้องเช็คเอาท์โรงแรมก่อนเที่ยง 
แล้วอยากไปติดต่อเรื่องตั๋วด้วยก็เลยตั้งใจไปเร็วแหละ

เลยบอกไปว่า รู้แล้วว่าเที่ยวกลางคืน แต่เค้าจะช่วย หาไฟล์ทอื่นที่เร็วกว่านี้ ให้ได้ไม๊

เค้าก็ช่วยหาให้

ทีแรกได้ ทุ่มนึง

ทุ่มนึงก็ดีกว่าสี่ทุ่มน่ะ 

เพราะคุณผู้ชายต้องมารับจากอีกเมืองด้วย  ขับรถประมาณ สองชม.
ถ้าได้ไฟล์ท สี่ทุ่ม กว่าจะไปถึงบ้านอีก ก็ดึกมากแหละ 

แต่ จนท.ก็หาไฟล์ทให้ใหม่อีก ได้ บ่ายโมง ดีใจจังไม่ต้องรอนาน
จนท.จะเก็บค่ากระเป๋าใหญ่ด้วยตั้ง 60$
เราได้ยินไม่ชัด ถามไปใหม่ว่าค่าอะไร
เค้าบอกว่า ค่ากระเป๋า ใบใหญ่สองใบ 
ก็เลยบอกเค้าไปว่า เรามาจากสายการบิน ต่างประเทศนะ ทุกทีไม่เคยต้องเสียตัง
เมื่อวานไฟล์ท์เราcancel เราก็เลย ต้องมา เดินทางใหม่วันนี้ 

แต่เค้าก็บอกว่าครั้งนี้ เหมือนกับว่าเรามาซื้อตั๋วใหม่ เที่ยวบินเดิม ของเราเมื่อวานมันไม่ขึ้นในคอม 
ก็เหมือนเรามาเริ่มต้นเดินทางในประเทศ
กระเป๋าใหญ่ก็ต้องจ่ายตังค์
เราก็เลย หยิบบัตรเครดิตให้ คิดว่า จ่ายก็จ่าย ขอให้ได้กลับบ้านละกัน

แต่เค้าก็ดีนะ  เดินไปถาม จนท.อีกคนให้ ว่าเราเป็นแบบนี้ๆ ต้องชาร์ทเราไม๊

สรุปเค้าบอกว่า ไม่ต้องกังวล เค้าไม่ชาร์ทเรา  ไฟล์ทเดิมเรายกเลิก มันไม่ใช่ความผิดเรานี่นา คิดในใจ ค่าโรงแรมก็จ่ายไปแล้วตั้งเยอะ 
ดีใจจัง ตั้ง $60  ไม่ต้องจ่ายอีก 

สรุป ได้ตั๋ว ใหม่ รอแค่ ชม. ครึ่ง ดีใจมากๆ ไม่ต้องรอถึง สี่ทุ่ม

พอเสร็จเรื่องตั๋ว เรื่องกระเป๋า 
จะไปเกทเพื่อรอขึ้นเครื่อง ต้องผ่าน security ก่อน ต้องลงบันไดเลื่อน
ตอนนั้นยังมีรถเข็นอยู่ ไม่ใช่แล้วล่ะ แต่ไม่ณุ้จะเอาไปไว้ตรงไหน กลัวโดนว่า ทำไมไม่เก็บให้ถูกที่ 
เห็นจนท.ยืนอยู่ เข็นรถเข็นตรงดิ่งไปหา จนท.กะจะถามว่าเอารถเข็นไปเก็บที่ไหน
จนท. ตะโกน แมม! ชี้มาที่รถเข็น
ก็รู้เลยแหละ เอารถเข็นไปไม่ได้ คริ ๆ เบรคกระทันหัน แล้วก็ฉีกยิ้มไปหนึ่งที 
แล้วก็หันหลังกลับเอารถเข็นจอดแถวๆนั้นแหละ 

พอหันกลับไป อ้าว ป้าย NO CART อย่างใหญ่
มีรูป รถเข็น และเครื่องหมายกากบาท ทับอีกต่างหาก 
อิอิ ทีแรก  มัวแต่มองหน้า จนท.กะตรงไปถามเลยไม่สังเกตุอะไรเลยน่ะ  
ก่อนลงบันไดเลื่อน หันไปฉีกยิ้มให้ จนท.อีกรอบ
จนท.ก็ยิ้มตอบ แบบ งงๆ กับผู้หญิงคนนี้ที่อารมณ์ดีเกินเหตุ อิิอิ

ไปผ่าน security ก็ทำเหมือนที่อื่น
เตรียม พาสปอร์ต ,ID

ตรวจกระเป๋าขึ้นเครื่อง เอาคอมออก ถอดรองเท้า  น้ำดื่มก็ดื่มให้หมด หรือเททิ้งไปเลย มีถังขยะรอรับตรงนั้น
ผ่านช่องสแกนไป เรียบร้อย รับกระเป่าคืน เดินไปหาเกทต่อ
เดินไปตามป้าย ทางไปเกท เราต้องไป เกทD2
เข้าไปใน ประตูเหมือน ลิพท์ เพื่อไปเกท งงมาก ไม่กล้าเข้าไป แต่พอไปถึง จนท ก็เปิดประตูให้ 
เรากำลังลังเลอยู่ เข้าไปดีไม๊เนี่ยะ ทำไมมันไม่เป็นทางเดินแบบธรรมดาล่ะ   มองไปเหมือนลิฟท์น่ะ ไม่เห็นอะไรด้านในเลย เหมือนห้องปิดตายห้ามเข้าด้วย
คนเดินมาข้างหลังก็เดินเข้าไป เลยมองไปเห็นมีคนข้างในเยอะแยะ  เลยเดินตามไปบ้าง

สรุปมันเป็นรถบัสน่ะ  ประตูรถบัส ต่อกับประตูอาคารเลย 

พอถึงเวลาออก เค้าก็ปิดประตู รถก็ออกไป   เหมือนเครื่องบินจอดต่อ ตรงประตู ที่เราต้องเดินเข้าเลยน่ะ 
แต่นี่ประตูเหมือนประตู ลิฟท์ มองไม่เห็นด้านนอกเลย เราเลยยืน ลังเล ไม่กล้าเข้า คริๆ
พอประตูปิด รถก็ออก ไปไกลมาก สนามบินนี้กว้างใหญ่จริงๆ 
ไปส่ง ตรง ทางไปเกท D ต่อ
ไปถึงเกท มีชื่อไฟล์ทขึ้น เข้าไปถามจนท. เพื่อความชัวร์ว่าเราต้องมารอถูกที่ไม๊ 
กลัวตกเครื่องมากๆ อยากถึงบ้านละ 

หลังจากแน่ใจ ก็ไปหาอาหารกิน รอเครื่องขึ้น 
ระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่อง สังเกตุ ว่าที่จอมอนิเตอร์ จะมีชื่อขึ้น บอกว่าผู้โดยสารที่มีรายชื่อต่อไปนี้ ห้ติดต่อ จนท.เคาเตอร์ 
เหมือนที่เราเคยมีชื่อขึ้น ที่นาริตะ แต่เราไม่ได้สังเกตุน่ะ  จน จนท. ต้องมาถือป้ายเดินตามหา 
ต่อไปต้องสังเกตุมากกว่านี้แล้วล่ะ 


นั่งเครื่องบินมา อากาศดีมากๆ  ไม่มีแววมีพายุ วันก่อนเลย 


และแล้วก็มาถึง บ้านแล้ว ดีใจจัง  ในที่สุดก้ผ่านมาได้ 
ประสบการณ์ เปิ่นๆ เยอะแยะมากมาย แต่ทุกอย่างก็เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเราแหละนะ 
ขอบคุณทุกประสบการณ์ที่สอนเราเยอะแยะมากมาย 
อนาคตจะให้เราไปซีกไหนของโลก เราก็ไม่กลัวแล๊ว  ยิ้ม 







Saturday, August 20, 2011

คัพเค้กช็อคฯจ๊า

เมนูหากิน ง่ายสุด
ไม่กล้าทำซะที เพราะใช้เตาไม่ค่อยเป็น กลัวต้องทิ้งขนม

แต่ออกมาใช้ได้น๊า


ใช้ไปตลาดได้


ม่ายช่ายยยยยย


รสชาติพอใช้ได้จ๊า

จืดนิดนึง แต่ก็ดี สำหรับคนรักสุขภาพอยากเรา คริๆ
แช่เย็น ให้มันแข็งตัว อร๊อย อร่อยแหละ


ออกมาโย้ เอียงเพราะใส่ในถ้วย เยอะเกิน พอพองเลยล้นเลย



กินอิ่มก็ไปนอน จะไม่อ้วนได้ไงน๊อ

โอนเงินจากอเมริกาไปไทย โดยใช้บริการ MoneyGram หรือทางไหนดี

ส่งเงินจากอเมริกา ไปไทย ที่ไหน ทางไหนเรทดี ? คนมาอยู่อเมริกาคงมีคำถามนี้กันเนาะ วันนี้ยกตัวอย่างบางช่องทางนะคะ เราถนัด MoneyGram เพราะสะ...