ขึ้นต้นว่าย้าย เพราะจะได้นึกภาพว่า มันลำบากมากนะ กว่าจะคิดได้ว่า เตรียมอะไรบ้าง เอาอะไรมาบ้างดี เพราะถ้าลืมนี่จะนั่งเครื่องบินกับไปเอาเนี่ยะ คงไม่คุ้มน่ะ
เตรียมตัวเรื่องเดินทาง
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง สำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางเลย ควรรู้อะไรบ้าง
ข้อมูลทั่วไป จากWeb ของเอกชน ลองเข้าไปศึกษาดูค่ะ มีประโยชน์ สำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลย ได้รู้ว่าเราควรนึกถึงอะไีรบ้าง เตรียมอะไรบ้าง เดินทางครั้งแรกคลิ๊กที่นี่
เตรียมตัวจัดระเป๋าเดินทาง
เรื่องใหญ่นะเนี่ยะ กว่าจะจัดเสร็จ
ใครมีเวลาจัดก่อนเดินทาง 3เดือน ก็ 3เดือนนู่นแหละถึงเสร็จ
ใครมีเวลา 2เดือน ก็จัดไปเรื่อยๆ 2เดือนนู่นแหละถึงเสร็จ
ใครมีเวลา 7วัน อันนี้ดีหน่อยไม่ต้องปวดหัวนาน เพราะ 7วันต้องเสร็จ ยังไงก็ต้องเดินทาง
สรุปคือส่วนใหญ่เริ่มจัดเมื่อไหร่ก็ตาม จะมาเสร็จวันก่อนเดินทางหนึ่งวัน
เพราะของที่อยากเอาไปมันเยอะ ใส่เข้าไปหมดน้ำหนักก็เกิน
พอเกินก็จัดใหม่ หยิบเข้าหยิบออก ก็จะเป็นแบบนี้ไปจนวันสุดท้ายก่อนเดินทางนั่นแหละ เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว จะต้องเข้ากรุงเทพแล้ว ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
ก่อนจัดกระเป๋าเดินทางก็หาข้อมูลก่อนดีกว่า
ข้อมูลที่หลายๆคนสงสัยคือ เอาอะไรไปได้บ้าง อะไรเป็นของต้องห้าม
ไม่แน่ใจไปหมดทุกอย่างเหมือนกันค่ะ
หาข้อมูลจากกูเกิ้ลนี่แหละ มีข้อมูลเยอะแยะ
รวมหลายๆเคล็ดลับในการจัดกระเป๋าจากหลาายๆคน ข้อมูลจาก www.thaibagrental.com
อ่านคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางเข้าอเมริกาข้อมูลภาษาอังกฤษ
A Safe Trip Abroad ข้อมูลภาษาอังกฤษอีกแล้ว
พอได้ข้อมูลเบื้อต้นมาแล้ว ก็มาจัดกระเป๋ากัน
คัดลอกมาจากที่แนะนำน้องๆไป ยาวมากนะ เพราะถ้าลืมอะไรเนี่ยะ กลับไปเอาไม่ได้แล้ว ค่าตั๋วแพง
ส่วนใหญ่เนี่ยะ แต่ละสายการบิน จะให้ผู้โดยสาร ขนสัมภาระดังนี้
1. กระเป๋า เดินทาง ได้คนละ 2ใบ น้ำหนัก ใบละ ประมาณ 23 กก.
2. กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง 1ใบ
3. กระเป๋า คอมพิวเตอร์ 1ใบ
4. เสื้อโค้ท ,แจ๊กเก็ต 1ตัว ที่ให้ถือไปต่างหากได้
หาข้อมูลเพิ่ม จากรายละเอียดของแต่ละสายการบินนะ
ตามความเห็นส่วนตัวนะ
กระเป๋าผ้าที่เป็นซิปน้ำหนักจะเบากว่ากระเป๋าแบบกดล็อคที่เป็นสีๆ สวยๆ เราจะบรรจุของได้มากขึ้น
ชอบแบบซิป เพราะจะไม่มีปัญหาฝากระเป๋าอาจกระเด้งออกหากโดนกระแทกแรงๆน่ะ มันต้องไปรวมกันอยู่ใต้เครื่องน่ะ
ไม่ต้องซื้อใบใหญ่สุดก็ได้ เพราะจากที่ซื้อมา 28 นิ้ว ไม่ใช่ใหญ่สุด นี่ก็มีที่ในกระเป๋าเหลือแล้ว ใส่ไม่เต็ม เพราะถ้าเต็ม น้ำหนักจะเกิน และลากไม่ไหวหรอก มันหนักมากนะ ลองลากดูละกัน ต้องลากใบใหญ่ๆตั้ง2กระเป๋าแน่ะ
กระเป๋าถือขึึ้นเครื่องที่ให้ถือได้ 1 ใบ บางคนใช้เป็นกระเป๋าลากเลย ก็สะดวกดีนะ แต่ดูด้วยละกัน อย่าให้ใหญ่มากเกิน
เพราะเราต้องเก็บในเคบินเหนือศีรษะ ยกเก็บเองนะจ้ะ ถ้ายกไม่ไหว ก็วานคนข้างๆยกให้
ถ้าใหญ่มากจะมีปัญหาอีกอย่างคือ จะใส่ในช่องเคบินไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่ต้องต่อเครื่องบินในประเทศไปยังเมืองจุดหมายปลายทาง เครื่องบินจะเล็กลงมาก จะเอากระเป๋าใหญ่ๆ ของเราใส่ไม่ได้
จริงๆ กระเป๋าขึ้นเครื่องนี้แต่ละสายการบินก็แจ้งนะ ว่าน้ำหนักไม่เกินเท่าไหร่ หาข้อมูลได้จาก Web ของแต่ละสายการบิน
แต่ในทางปฏิบัติ ก็ไม่เห็นมีการชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องนะ เอาแบบไม่ใหญ่เกินไปละกัน เป็นเป้ก็ดีนะ ยืดหยุ่นตามช่องที่ใส่ได้ จุของได้เยอะด้วย แต่ใหญ่มากก็ไปกินที่วางของคนอื่นน่ะ
ตอนจัดกระเป๋านี่ให้คิดเลยว่า กระเป๋าเราจะถูกตรวจตอนไหนก็ได้ (ไม่รู้คนอื่นคิดแบบนี้รึเปล่านะ)
ถ้ากระเป๋าหายแล้วเราล็อค จะต้องมีการ งัดกุญแจน่ะ เพื่อตรวจสอบของก่อน ส่งมาให้เราที่บ้าน
ก็เลยไม่ล็อคตามคุณผู้ชายบอก ใครอยากเปิดก็เปิดไป เตรียมพร้อมมาแล้ว ห้ามใส่ของมีค่าในกระเป๋า ถ้าหายจะไปเอาผิดกับใครไม่ได้นะ
ห้ามเลย กล้องก็ไม่ใส่นะ ใส่ในกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง
กระเป๋าถือขึ้นเครื่องโดยปกติไม่ชั่ง แต่จริงๆแล้วมีบอกน้ำหนักไว้อยู่นะ
บางคนใช้กระเป๋าลาก แต่จะมีปัญหา ใส่ช่องเคบินเหนือหัวลำบาก ถ้าต้องต่อเครื่องยิ่งยาก ช่องเคบินเครื่องบินในประเทศมันจะเล็ก จะใส่ไม่ได้ เค้าไม่ให้วางตรงขาเหมือนนั่งรสบัสไปต่างจังหวัดนะ เผื่อเครื่องเหวี่ยง กระเป๋าจะกลิ้ง
ถ้าวางต้องเป็นขนาดที่วางใต้ที่นั่งของคนข้างหน้าได้พอดี ไม่กลิ้งไปมา
พอเข้าไปบนเครื่องก็หยิบของที่คิดว่าจะเอาไว้ใช้กะตัวออกมา อาจแยกใส่กระเป๋าเล็กๆนะ แล้วก็เอามาหนีบใส่ในช่องหนีบของหน้าเรากันของปลิว เผื่อเครื่องมีปัญหา
ตอนขึ้นเครื่องที่จะลง จุดตรวจตม. เอาตลับแป้งแยกออกมาก่อนที่จะเอากกระเป๋าใส่เคบินด้วยนะ เพื่อเข้าไปแต่งหน้าในห้องน้ำก่อนลงเครื่อง เดินทางมาวันเต็มๆ เติมหน่อย อิิอิ ต้องถ่ายรูปด้วยที่ ตม. อะไรที่อาจใช้บนเครื่องบินน่ะ แยกออกมา เช่น หนังสือที่ตั้งใจเอามาอ่านบนเครื่องเวลาเบื่อๆ ส่วน MP3 เครื่องเล่นเกมส์ พวกนี้ไม่ต้องน่ะ ทุกที่นั่งมี ใช้บริการได้ Wifi บนเครื่องก็มี แต่คิดว่าส่วนใหญ่ต้องจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตก่อนใช้น่ะ อย่าไปใช้บริการเลยเปลือง
ถ้ามีตังค์ย่อย ดอลล่าห์ไว้บ้างก็ดี เผื่อจำเป็นต้องใช้ โทรหาแฟน แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องกังวล คงไม่มีปัญหาหรอก
อาหารนี่ใครคิดว่าหนักจะส่งไปก่อนทางไปรษณีย์ ไม่แนะนำให้ส่งทางไปรษณีย์น่ะ มันต้องมีการตรวจสอบ เดี๋ยวยุ่งยาก เพราะอาหารหลายๆอย่างเป็นของห้ามนำเข้า
ทีแรกตอนจัดกระเป๋าก็เตรียมมาเยอะ แต่เป็นของแห้งทั้งหมดน่ะ มีปลาร้าบองที่ทำเหมือน กระปุก น้ำพริก กระปุก กะปิ แบบเล็กสุดน่ะ แต่เป็นของpackขาย มีพาสติกหุ้ม ก็ไม่มีกลิ่นน่ะ
พอมาจริงๆต้องเอาออก เพราะกระเป๋าไม่พอ
แนะนำว่า เอามานิดเดียว เฉพาะของที่ คิดว่ามาถึงแล้วอยากกิน ช่วงที่ยังหาร้านขายของไทยไม่เจอน่ะ ทุกเมืองในอเมริกา มีร้านขายของเอเชียทั้งนั้น หาข้อมูลในกูเกิ้ลได้
ตอนที่มา ซื้อถุงซิบใสใหญ่สุด ประมาณใหญ่กว่ากระดาษ A4 นิดนึงมั้ง ที่แม็คโครมาแบ่งของใส่ให้เรียบร้อย ชิ้นเล็กชิ้นน้อยน่ะ เผื่อต้องเปิดกระเป๋าจะได้ไม่อาย
ละก็ชั่งน้ำหนักทีละถุง เขียนสติกเกอร์เล็กๆ ติดไว้เลย ว่าแต่ละถุงน้ำหนักเท่าไหร่ ถ้าต้องเอาออกจะได้รู้ว่าควรเอาอะไรออก
แต่หลังๆ หยิบไปหยิบมา ก็ไม่ได้ชั่งหมดหรอกนะ มายกกระเป๋า ชั่งรวมทีเดียว
แต่ใส่ถุงซิปล็อคอันใหญ่แยกหมด เสื้อหนาวตัวใหญ่ ๆใส่ถุงไม่ได้ ก็พับม้วนๆใส่กระเป๋าไปเลย
จัดยังไงก็ได้ ที่พร้อมสำหรับเปิดโชว์ได้ด้วยน่ะ
ถุงซิปล็อค สำหรับใส่เสื้อผ้าที่อเมริกานี่ก็จะดูดีหน่อย
แถวบ้านเราก็ซื้อถุงซิปแบบธรรมดาแหละ ใส่มาได้เหมือนกัน
เสื้อผ้า ถ้าตัวเล็ก อย่าหวังว่ามาซื้อที่นี่นะ แฟชั่นแปลกๆ
แต่ถ้ามันหนักเกินจริงๆก็เตรียมมาบ้าง แล้วค่อยมาซื้อใหม่ ซึ่งอาจไม่ถูกใจเท่าไหร่น่T
ถ้าพอมีที่ใส่มาได้ เตรียม Dress สวยๆมาใส่ซักตัว เผื่อแฟนพาออกงาน โดยเฉพาะคนตัวเล็ก หาไซส์ยากน่ะ
ถ้าอยู่นานๆรู้แหล่งซื้อก็อาจหาซื้อได้ แต่ช่วงใหม่ๆ อาจจะยังไม่เจอที่ถูกใจน่ะ เผื่อมาถึงปั๊บ ได้รับเชิญไปงานแต่ง
เตรียมลองจอน เลกกิ้ง มาเผื่อหน้าหนาวด้วยนะ
เตรียมรองเท้ามาด้วย ใส่เล่น ใส่ไปงาน ซักอย่างละคู่ ถ้าพอเอามาได้ ที่ี่นี่มีแต่แพงมาก และอาจต้องเลือกซื้อจากของเด็ก ซึ่งอาจไม่มีแบบที่ถูกใจ แต่ถ้าของเยอะมากใส่มาไม่พอ ก็ไม่จำเป็นนะ มีขายอยู่ (แบบแพงๆ)
รองเท้าใส่อยู่บ้านติดมาซักคู่ก็ดี เพราะเวลาอากาศเย็นใส่รองเท้าเดิน แล้วอุ่นมาก ทีนี่ ไม่มีน่ารักแบบที่ไทย
แต่ถ้าไม่อยากให้รกกระเป๋า ก็มาซื้อที่นี่ ไม่ถึงกับแพงมาก แต่ไม่น่ารักเท่าที่ไทย
คู่นึงนี่ ราคา $15- 20 คิดเป็นเงินไทย ก็ประมาณ 600 บาท แต่สีล้วนธรรมดานะ ไม่ได้น่ารักอะไรเลย
รองเท้าคู่ที่ใส่เดินทางเดินทางควรเป็นคู่ที่ใส่สบาย ถอดง่าย เพราะต้องถอดเข้าออกตอนผ่านด่านตรวจที่อเมริกา ทุกคนถอดรองเท้า ถ้าคนเยอะ ก็จะต้องทำทุกอย่างเร็วมาก เพื่อไปต่อเครื่องให้ทัน อาจมีต้องวิ่งช่วงต่อเครื่องนะ
เอากางเกงนอนขายาวมาใส่นอนหน้าหนาวบ้างก็ดีนะ มันหนาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หาข้อมูลของรัฐที่จะไปด้วย ว่าปกติอากาศหนาวขนาดไหน ไปถึงเป็นหน้าอะไร จะได้เตรียมตัวถูก
ถ้ามาถึงอเมริกาหน้าหนาวนี่ หมวก ถุงมือ เสื้อหนาว เตรียมออกมาไว้ ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องให้หยิบใช้ง่ายๆนะ ใส่ในกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง
ถ้าเก็บในกระเป๋าเดินทางหมดจะหยิบใช้ลำบาก ดูด้วยว่าต่อเครื่องที่ไหน หนาวไมี ต้องเตรียมเสื้อหนาวไว้บนเครื่องไม๊ บางทีแค่ช่วงต่อเครื่องนิดเดียวก็หนาวปากสั่นเลยล่ะ
อาาหารแห้งเอามาได้
ตัวอย่างวิธีPackนะ
ปลาแห้งผง ใส่ถุงพลาสติกรัดยาง แล้วก็ใส่กระปุก ปิดสก๊อตเทปตรงฝาอย่างดี เขียนสติกเกอร์แปะ เป็นภาษาอังกฤษเลยว่าอะไร ใครตรวจเปิดกระเป๋าเราตอนไหนจะได้รู้เลย
ซุปก้อน คนอร์ไก่ คนอร์หมู ถ้าตรวจจริงๆนี่เอาเข้าไม่ได้นะ เค้าถือว่าทำจากสัตว์อาจมีเชื้อโรคนำเข้า บางคนเอามาแบบแอบซุกๆ ไม่ถูกตรวจก็โชคดีไป
มาซื้อที่นี่ได้ มีขายตามห้างทั่วไป ซุปคนอร์ก้อนนี่แหละ มีขาย ยี่ห้อคนอร์เลย
หมูหยองนี่ไม่ได้ ผลิตภัณฑ์ไก่หมูนี่ไม่ได้
มะนาวที่นี่ก็มีน่ะ มะนาวนี่ถือว่าเป็นของสดนะ ผัก ผลไม้สด พวกนี่น่ะ ไม่ได้ เท่าที่เรารู้มานะ ไม่ต้องเสี่ยงดีกว่า ทุกอย่างมีขายที่นี่
พริกแกงถ้าอยากเอามาก็ใส่ถุง แล้วใส่กล่องอีกที ปิดเทปใสรอบๆ ให้ดี เขียนบอกเลยว่าอะไร
ถ้ากลัวเลอะ ก็เอากล่องนี้ใส่ถุงมีซิปล็อคอีกรอบ
เอามาก็ได้ เพราะที่นี่อาจไม่อร่อยเหมือนที่เคยกินน่ะ
( แต่เดี๋ยวที่เตรียมมาก็ต้องหมดต้องซื้ออยู่ดี )
น้ำปลาที่นี่ก็มีขายนะ
มาม่า ยี่ห้อมาม่าแบบไทยเลยก็มี ห่อละ .03 ดอลล่าห์ ไม่ได้แพงเล๊ย ไม่ต้องหอบมา เอามาแค่ตอนที่ยังไม่ได้ออกไปร้านขายอาหารไทยน่ะ
ข้าวหอมมะลิที่นี่ก็มี ถุงละ 5 Lbs. ( 2.27 kg.) ราคาประมาณ $4-$5 ราคาพอซื้อได้ ซื้ออาหารอย่างอื่นแพงกว่านี้เยอะ
ตอนมามีพริกป่น กะปลาผงมา แม่ทำเอง ชอบมาก มากี่เดือนแล้วนี่ ปลาผงยังกินไม่หมดเลย ใส่ตู้เย็นไว้เรื่อยๆ
แต่พริกหมดตั้งนานแล้ว
พริกที่แม่บดให้อร่อยกว่าจริงๆด้วยแหละ
ถ้าชอบเผ็ดกินพริกผง ก็เอามานะ เพราะพริกที่นี่ไม่ค่อยเผ็ดสะใจ ไม่มีแบบนิ่มๆ แบบบ้านเราน่ะ ที่ขายก็เป็นพริกมาจากไทยแลยก็มี แต่มันป่นแบบหยาบๆ ไม่ค่อยชอบน่ะ
หวี กรรไกรตัดเล็บ ที่นี่มีขายแต่แพง ถ้าไม่ลืมก็หยิบใส่มาด้วยคงไม่เปลืองที่หรอกมั้ง จะซื้อหวีที่นี่ 1อันนี่คิดแล้วคิดอีก แพง
กิ๊บติดผม เอามาเยอะๆ ที่นี่ไม่มีแบบเมืองไทยนะ หายังไงก็ไม่เจอ
ซื้อมาจากไทยตั้งเยอะ อันถูกๆ 19บาท ไปเหมาอนุสาวรีย์มา หักหมดแล้ว มันถูกน่ะ อิอิ
เป็นคนไม่ติดนาฬิกา เอามาหนึ่งเรือน ไม่เคยใส่เลย ไม่รู้จะใส่ไปไหน เก็บไว้เป็นเวลาที่เมืองไทย ไม่ได้ปรับ เอาไว้ดูเป็นที่ระลึก
ตุ้มหู ก็ขี้เกียจใส่ จากที่ชอบใส่มาก เพราะอยุู่นี่อยู่แต่ในบ้านน่ะ
ทองจะใส่ก็กลัวอันตราย กลัวหล่นหายด้วย รู้งี้เก็บไว้ที่ไทยดีกว่า ให้แม่ไว้ใส่เล่นน่าจะดีกว่า
ครีมบำรุงต่างๆ ยาทาสิว เบตาดีน รู้จักรึเปล่า เผื่อมาแกะสิวอิอิ
ตอนมาใหม่ๆ เราจะยังไม่รู้น่ะ ว่าเราจะซื้อครีมอะไรดี อันไหนอันไหนก็ไม่รู้จัก แพงอีกต่างหาก ตอนเตรียมมาเอามานิดเดียวกะว่า ยังไงก็ต้องซื้อใหม่ อยู่ดี แต่จริงๆแล้วมันยากน่ะ ตัดสินใจไม่ถูก ใช้ของที่เคยใช้ก็ดี
แต่ถ้าใครไม่กังวลตรงนี้มาก ผิวไม่แพ้ง่าย ไม่อยากเอามาให้หนักก็มาหาซื้อที่นี่ได้ แต่อาจเลือกไม่ถูกไง มันมีให้เลือกเยอะ ช่วงแรกยังไม่รู้จักอะไรเอามาไว้ซักนิดช่วงรอตัดสินใจซื้อใหม่ก็ดีนะ
ครีม สการ์แคร์ครีม พวกนี้ มีมาซักหลอดก็ดี ทีนี่มีแต่ไม่เหมือนกัน ตัวยาไม่เหมือนกัน ครีมลดรอยแผลเป็นต่างๆ ตัวยาไม่เหมือนบ้านเรา
เผื่อเป็นสิวแล้วอยากทารอยสิวน่ะ
มานี่แล้วนึกถึงดินสอพองมาก ผงพิเศษตราร่มชูชีพ (ไม่แน่ใจเรียกแบบนี้รึเปล่า) เคยใช้ที่ไทยแล้วหน้าเด้ง ติดใจอะไรก็เตรียมมานะ เผื่อมาที่นี่ไม่รู้จะใช้อะไร
สิวน่ะคงเป็นกันแน่ๆ ไม่รู้ว่าทำไม คลิ๊กไปดูรูปสิวอเมริกา
ยาอะไรที่คิดว่าจำเป็นอาจต้องใช้ เอามาให้หมดนะ จับใส่มาในกระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้เครื่องได้ ยาคุมน้องๆที่นี่บอกว่าแพงมาก ซื้อยาก ถ้าจะใช้ก็เตรียมมาเลย เตรียมมาเยอะๆเลย น้องที่เคยให้ญาติส่งมาจากไทยบอกว่า รวมค่าส่งแล้วยังคุ้มเลยน่ะ
พาราด้วย ที่นี่ไม่มีขายนะ เอามาซักกระปุกก็ดี เผื่อเครียดกับแฟน กินแก้เครียด อิอิ
คือเวลาปวดหัวเล็กๆ ปวดท้องเมนส์ นี่ไม่มีพารากินน่ะ มีแต่แอสไพริน
แอสไพริน ทำให้มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือด อันนี้ไม่ดีน่ะ เลยไม่อยากกิน
ของส่วนตัวชิ้นเล็กชิ้นน้อยนี่ ใส่มาแบบเรียบร้อยๆ หน่อยนะ เวลาจัดให้นึกว่า กระเป๋าเราพร้อมจะเปิดโชว์ได้ตลอด ใส่ถุงแยกดีที่สุด
เผื่ออกระเป๋า หล่นเปิดอ้า จะได้ไม่อายใคร
ไม่ต้องพกเงินไทยมาเยอะ เพราะไม่รู้จะไปใช้ตรงไหน
คอยพกดอลล่าห์กลับไปได้ประโยชน์กว่า เพราะไม่ใช่เงินเรา อิอิ
ถ้าเอากล้องมา ดูตรงที่เสียบนะ ถ้าไม่ใช่แบบรูแบนนี่หา ซื้อตัวเสียบมาไว้ก็ดี
เผื่อวันแรกๆ นี่ เราไม่รู้จะไปซื้อที่ไหนนี่ กล้องแบตหมด เสียดายมาก ไม่ได้ถ่ายรูปตั้งหลายวัน กว่าจะหาซื้อAdaptor ได้ เดินตั้งหลายห้าง
อยู่นี่ผู้คนเค้าไม่ได้ออกไปเดินห้างกันทุกวันนะ ส่วนใหญ่ไปในวันหยุดเสาร์อาทิตย์แค่นั้นน่ะ ไปซื้ออาหารมาตุนกัน
เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นไม่ต้องเอามา ใช้ไฟที่นี่ไม่ได้ ต้องมาซื้อใหม่เอา ไดร์เป่าผมพวกนี้น่ะ เดี๋ยวผมไหม้เป็นขดๆๆๆนะ เครื่องพังด้วย
โทรศัพท์ ก็มาซื้อใหม่ที่นี่ถูกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เครื่องแพงๆ ที่บ้านเราที่นี่ถูกกว่ามาก
และถ้าเปิดเบอร์ใหม่ เห็นเค้าซื้อเครื่องใหม่กันนะ ไม่มีใครไปซื้อซิมเฉยๆ เครื่องมันถูกน่ะ Blackberry ที่นี่ ถูกมากกกกกกกกกกก คิดเป็นเงินไทย สามพันกว่า , สี่พันเอง แต่ได้เครื่อง BBน่ะ เป็นเมืองไทย ไม่มีทาง
สติกเกอร์ไทย ติดแป้นคอม เอามาซักแผ่น ถึงแม้จะเอาคอมตัวเองมาก็ตาม เพราะ ช่วงแรกคอมเราอาจต่อ Net ไม่ได้ มาถึงจะโหยหาการรายงานข่าวกลับไปเมืองไทยมาก
เขียนที่อยู่แฟนใส่กระเป๋าตังค์ หรือกระเป๋าที่จะเอาขึ้นเครื่องที่หยิบได้ ตอนนั่งบนเครื่องบิน อาจต้องกรอกด้วย(จำไม่ได้) และ ตรง ตม.อาจมีถามที่อยู่ยืนยันการส่งเอกสารอีกที
จดที่อยู่เบอร์โทรศัพท์แฟนแฟนใส่กระเป๋า เผื่อมีกรณีฉุกเฉิน ต้องติดต่อแฟน อาจตื่นเต้น จำอะไรไม่ได้ พูดจาไม่รู้เรื่องน่ะ อิอิ
หมายเหตุ เอกสารที่ใช้ในวันสัมภาษณ์วีซ่า ไม่ต้องขนมา นอกจากอยากเอามาเป็นที่ระลึก
ซองฟิล์ม ก็ไม่ต้อง ไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหน ซองผลตรวจร่างกายซองเล็กสีขาว ถือมาก็ติดตัวได้ เผื่อได้ใช้ประโยชน์ แต่ปกติไม่ได้ใช้นะ นอกจากมาด้วย K1,K3
ส่วนซองสีน้ำตาลที่ได้จากสถานฑูตนี่ต้องใส่ในกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องนะ เราต้องหยิบยื่นให้จนท.เมื่อผ่านตม.สนามบินแรกที่เราเข้าสู่อเมริกาน่ะ ตอนนั้นกระเป๋าเดินทางจะไม่ได้อยู่ที่เรานะ
กระเป๋าที่ซื้อมา 28 นิ้วใหญ่มากนะ ( แค่นี้ก็คิดว่าใหญ่เกินแล้วล่ะ เพราะถ้าใส่เต็มกระเป๋านี่น้ำหนักจะเกินน่ะ ลากยากมากๆด้วย ว่าจะซื้อใหม่อยู่นะเนี่ยะ เอาเล็กกว่านี้นิดนึง )
ตัวเองนี่เลือกกระเป๋า ผ้าแบบมีซิป เพราะน้ำหนักกระเป๋าเบา เราจะใส่ของได้เยอะขึ้น มีซิปหลายชั้น ขยายกระเป๋าให้กว้างขึ้นได้ ใส่ของมาแบบสะใจมาก
บางคนใช้สีสดๆให้มองเห็นเด่น เวลาที่เราไปเลือกเอากระเป๋าจากที่วางรวมกันเยอะๆ เราก็จะเห็นได้ง่าย
แต่ที่ใช้สีนี้ เพราะเผื่อคุณผู้ชายใช้ด้วย ก็เลยเลือกสีเรียบๆหน่อย
เขียนชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าไว้ก็ดีนะ เพื่อกระเป๋าพลัดหลงไปอยู่ที่สายการบิน เที่ยวอื่น
ในความเป็นจริงนี่ก็มี กระเป๋าหาย มาตามหลังบ้างอยู่นะ
ข้างนอกระเป๋านี่มีเขียนไว้ แขวนไว้กับกระเป๋าด้วยก็ดีนะ ยืนยันอีกรอบ
( จริงๆจะต้องได้ Barcode มาติดที่กระเป๋าน่ะ ถ้ามียืนยันของเราด้วยก็ดีนะ แต่ไม่จำเป็น
แต่สายการบิน เกาหลี นี่บอกให้เขียนไว้นะ )
นี่คืออาหารที่จะขนมา เยอะมาก
สุดท้าย เอาออกเหลือนิดเดียว น้ำหนักในกระเป๋าเกินน่ะ
ไม่ต้องเอามาเยอะ ที่เห็นๆนี่มีขายหมด ไม่แพงเท่าไหร่
อุปกรณ์ในครัว มาซื้อที่นี่ ไม่่ต้องกลัวว่าจะไม่มีนะ
น้ำปลา ซอส พวกนี้ราคาขวดละประมาณ $3 ก็ถือว่าไม่แพงนะ ขวดหนึ่งใช้ได้ตั้งนาน
ครกนี่ก็มาซื้อที่นี่ $10 ใหญ่กว่านี้ก็มีนะ ครกหินก็มี ไม่ต้องห่วง
ง่วงพักก่อน
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
โอนเงินจากอเมริกาไปไทย โดยใช้บริการ MoneyGram หรือทางไหนดี
ส่งเงินจากอเมริกา ไปไทย ที่ไหน ทางไหนเรทดี ? คนมาอยู่อเมริกาคงมีคำถามนี้กันเนาะ วันนี้ยกตัวอย่างบางช่องทางนะคะ เราถนัด MoneyGram เพราะสะ...
-
วันนี้ ในห้องเรียน ทบทวนการขออย่างสุภาพ May I please.................... ? ครู บอกว่า May I นี่สุภาพสุด ให้ฝึกใช้ May I บ่อยๆ ให้ติดปาก หร...
-
วิธีส่งเงินกลับไทยทางMoneyGram เเขียนอีกรอบนะจ้ะ แบบละเอียดกว่าเดิม ข้อมูลภาษาไทย https://www.moneygram.com/MGI/TH/TH/Send/Send.htm?CC=TH...
-
เรื่องนี้เคยเล่าให้เพื่อนๆ ฟังแล้ว คิดว่าหลายๆคนอาจลืมไปละ เอามาทบทวนใหม่นะ มาแบบมีสาระแน่นๆ เลย อาจตาลายหน่อยน๊า วันนี้จะพูดถึง Time c...
พี่แพร ขอบคุณค่ะ ^^
ReplyDelete/apple
แวะมาอ่าน หาความรู้ เขียนน่ารักดีนะคะ
ReplyDelete